หน้าแรก
เลือกข้อมูลที่จะศึกษา
แนวคิด ที่มา และความสำคัญ
ความสำคัญของการศึกษาต่อม.3
แนะนำการศึกษาต่อสายสามัญ(ม.4-ม.6)
แนะนำสถานศึกษาสายอาชีวศึกษา
แนะนำสถานศึกษาด้านทหาร-ตำรวจ
วันจันทร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2559
แนวคิด ที่มา และความสำคัญ
ในปัจจุบันแล้วการศึกษาถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตในปัจจุบันนั้นต้องใช้ทักษะความรู้ต่างๆที่ได้ศึกษามาเพื่อนำไปประกอบอาชีพ หรือ นำไปใช้สอบเข้ามหาวิทยาลัย หรือ โรงเรียนที่ตนเองต้องการ แม้กระทั่งการสอบเข้าเรียนต่อในสายต่างๆ ถ้าจะกล่าวว่า การศึกษานั้นเป็นปัจจัยหลักอย่างหนึ่งของมนุษย์ก็คงไม่ผิดหนัก เพราะในปัจจุบันแล้วเกิดการแข่งขันกันอย่างมากมายไม่ว่าจะเป็น การค้าการลงทุน การแข่งขันสอบเข้าโรงเรียนชื่อดัง มหาลัยชื่อดังเป็นต้น
จากการที่ได้กล่าวมาการศึกษา เมื่อจบชั้นม.3 นั้น ในปัจจุมีทางเลือกอยู่ 4 สายเส้นใหญ่ๆ ดังนี้ 1.ศึกษาต่อชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายสายสามัญ(ม.4-ม.6)
2.ศึกษาต่อด้านอาชีวศึกษา(ระดับ ปวช.)
3.ศึกษาต่อด้านทหาร-ตำรวจ 4.ศึกษาต่อสถานศึกษาอื่นๆ
ซึ่งการตัดสินใจเลือกศึกษาต่อในสถานศึกษาแห่งใดก็ตาม ไม่ใช่เรื่องที่จะตัดสินใจกันได้ง่ายๆ เพราะมีองค์ประกอบหลายอย่างที่นักเรียนควรนำมาพิจารณากันอย่างรอบคอบก่อนการตัดสินใจ
ดังนั้นกลุ่มผู้จัดทำสนใจที่จะพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง การศึกษาต่อในสายต่างเมื่อจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่3
โดยนำเสนอในรูปแบบ เว็บบล็อก เพื่อง่ายต่อการศึกษาสามารถศึกษาได้ง่ายเพราะเป็นการเปิดกว้างสามารถให้คนทุกคนๆสามารถศึกษาได้โดยภายอินเตอร์เป็นตัวกลาง
ในปัจจุบันแล้วการศึกษาถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตในปัจจุบันนั้นต้องใช้ทักษะความรู้ต่างๆที่ได้ศึกษามาเพื่อนำไปประกอบอาชีพ หรือ นำไปใช้สอบเข้ามหาวิทยาลัย หรือ โรงเรียนที่ตนเองต้องการ แม้กระทั่งการสอบเข้าเรียนต่อในสายต่างๆ ถ้าจะกล่าวว่า การศึกษานั้นเป็นปัจจัยหลักอย่างหนึ่งของมนุษย์ก็คงไม่ผิดหนัก เพราะในปัจจุบันแล้วเกิดการแข่งขันกันอย่างมากมายไม่ว่าจะเป็น การค้าการลงทุน การแข่งขันสอบเข้าโรงเรียนชื่อดัง มหาลัยชื่อดังเป็นต้น
2.ศึกษาต่อด้านอาชีวศึกษา(ระดับ ปวช.)
3.ศึกษาต่อด้านทหาร-ตำรวจ 4.ศึกษาต่อสถานศึกษาอื่นๆ
ซึ่งการตัดสินใจเลือกศึกษาต่อในสถานศึกษาแห่งใดก็ตาม ไม่ใช่เรื่องที่จะตัดสินใจกันได้ง่ายๆ เพราะมีองค์ประกอบหลายอย่างที่นักเรียนควรนำมาพิจารณากันอย่างรอบคอบก่อนการตัดสินใจ
ดังนั้นกลุ่มผู้จัดทำสนใจที่จะพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง การศึกษาต่อในสายต่างเมื่อจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่3
โดยนำเสนอในรูปแบบ เว็บบล็อก เพื่อง่ายต่อการศึกษาสามารถศึกษาได้ง่ายเพราะเป็นการเปิดกว้างสามารถให้คนทุกคนๆสามารถศึกษาได้โดยภายอินเตอร์เป็นตัวกลาง
แนะนำการศึกษาต่อสายสามัญ (ม.4-ม.6)
ทางเลือกทางหนึ่งสำหรับนักเรียนที่จบชั้น ม.3 ก็คือการศึกษาต่อในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551ในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย(ม.4-ม.6) ซึ่งการศึกษาต่อในหลักสูตรนี้เป็นการศึกษาต่อเพื่อเป็นการวางรากฐานที่ดีสำหรับการศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาในระดับปริญญาตรี สาขาวิชาต่างๆต่อไป
การศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย(ม.4-ม.6) ใช้เวลาเรียน 3 ปีโดยแบ่งการศึกษาออกเป็นกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆให้นักเรียนได้เลือกเรียนตามความสามารถและความสนใจของตนเองซึ่งพอจะแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มคือ
1.กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เน้น วิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์
2.กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เน้น ภาษา- คณิตศาสตร์
3.กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เน้น ภาษาต่างประเทศ (ฝรั่งเศส,เยอรมัน, ญี่ปุ่น)
คุณสมบัติ
1.สำเร็จการศึกษาชั้น ม.3 หรือเทียบเท่าหรือกำลังศึกษาในชั้น ม.3 หรือเทียบเท่า
2.เป็นโสด ไม่จำกัดอายุ และอื่นๆ ที่สถานศึกษากำหนด เช่น เพศหญิงหรือเพศชาย เป็นต้น
หลักฐานในการสมัคร
1.ใบสมัครของสถานศึกษา และสำเนาทะเบียนบ้าน
2.หลักฐานการจบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3หรือเทียบเท่า
3.หรือใบรับรองของโรงเรียนเดิมว่ากำลังศึกษาอยู่ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หรือเทียบเท่า
สถาบันที่เปิดสอน
โรงเรียนมัธยมศึกษาที่เปิดสอนหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย(ม.4-ม.6)จะสังกัดอยู่ในหน่วยงานต่างๆ ดังนี้
1.โรงเรียนมัธยมศึกษา ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สทฐ)กระทรวงศึกษาธิการ (โรงเรียนรัฐบาล)
2.โรงเรียนที่มีสถานภาพเป็นองค์การมหาชน ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(เช่น โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์)
3.โรงเรียนสาธิต ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ(โรงเรียนสาธิตของมหาลัยต่างๆ)
4.โรงเรียนเอกชน ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช)
การศึกษาต่อสายสามัญ (ม.4-ม.6)
การศึกษาต่อของนักเรียนที่จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แล้ว มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อตัวนักเรียนเพราะนั่นจะเป็นตัวกำหนดอนาคตของเส้นทางอาชีพว่าจะเดินต่อไปในทางใด การศึกษาต่อหลังจากจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แล้วการเข้าศึกษาต่อในสายสามัญคือ มัธยมศึกษาปีที่ 4 – 6 เป็นการศึกษาในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในช่วงชั้นที่ 4 เป็นหลักสูตรการศึกษาที่เน้นการศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาระดับปริญญาตรีในสาขาวิชาต่างๆ ใช้ระยะเวลาในการศึกษาตามหลักสูตรคือ 3 ปีโดยแบ่งการศึกษาออกเป็นกลุ่มสาระต่างๆ ตามความถนัดและความสนใจของนักเรียน คือ
1.กลุ่มที่เน้นการเรียนรู้ด้าน วิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์(วิทย์-คณิต)
2.กลุ่มที่เน้นการเรียนรู้ด้าน ศิลปศาสตร์-คณิตศาสตร์ (ศิลป์-คำนวณ)
3.กลุ่มที่เน้นการเรียนรู้ด้าน ศิลปศาสตร์-ภาษา (ศิลป์-ภาษา)
4.กลุ่มที่เน้นการเรียนรู้ด้าน ศิลปศาสตร์-สังคม (ศิลป์-สังคม)
คุณสมบัติ
1.สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 หรือเทียบเท่า
2.เป็นโสด ไม่จำกัดอายุ
3.มีผลการเรียนตามที่แต่ละโรงเรียนกำหนด
หลักฐานในการสมัครเข้าศึกษา
1.ใบสมัครของโรงเรียนที่จะเข้าศึกษา
2.สำเนาทะเบียนบ้าน
3.สำเนาระเบียนแสดงผลการเรียนหรือหลักฐานแสดงการจบการศึกษาชั้น ม.3 หรือเทียบเท่า
โรงเรียนที่เปิดสอน
1.โรงเรียนมัธยมศึกษาในสังกัดของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)
2.โรงเรียนมัธยมศึกษาภายใต้การกำกับดูแลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (เช่น โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์)
3.โรงเรียนสาธิตของมหาวิทยาลัยต่างๆ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
4.โรงเรียนเอกชนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน
การเรียนสายสามัญ
สายสามัญ คือ การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานตามกระทรวงศึกษาธิการกำหนด โดยให้ความสำคัญกับการจัดการเรียนการสอน 8 กลุ่มสาระ และสาระเพิ่มเติม เช่น กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน กิจกรรมแนะแนว เป็นต้น
โดยการจัดการศึกษาสายสามัญ แบ่งออกเป็น
ระดับประถมศึกษาตอนต้น
ระดับประถมศึกษาตอนปลาย
ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ความสามารถทุกด้าน ตามลำดับขั้นและหลักสูตรของสถานศึกษา และหลักสูตรของกระทวงศึกษากำหนดไว้ ว่าแต่ละระดับควรพัฒนาด้านใดบ้าง และเพิ่มเติมความรู้ ความสามารถในด้านใด
สำหรับสายสามัญในระดับมัธยม
ศึกษาตอนปลายจะมีการแบ่งชั้นเรียน เป็น สายวิทย์ สายศิลป์
สำหรับแบ่งผู้เรียน เพื่อนำไปเป็นเกณฑ์คัดเลือกนักศึกษาในระดับอุดมศึกษาต่อไป เนื่องจากในบางสาขาวิชาของมหาวิทยาลัยมีการกำหนดไว้ชัดเจนว่าให้สายการศึกษา สายใดเข้าศึกษาได้
ทั้งนี้เพื่อประโยชน์สำหรับผู้เรียน เพราะผู้เรียนที่สนใจสาขาวิชานั้น ๆ จะต้องมีความรู้พื้นฐานมาพอสมควรในการศึกษาสาขาวิชานั้น ๆ จึงจะสำเร็จการศึกษาได้ด้วยดี
คุณสมบัติของผู้ศึกษาต่อในสายสามัญ
1. เป็นผู้ผ่านความรู้พื้นฐานตามระดับชั้นกำหนด
2. สนใจเรียนรู้
3. รักการศึกษาค้นคว้า
4. มีระเบียบวินัยในตนเอง
5. เคารพต่อกฎระเบียบ
6. อื่นๆ
สถานศึกษาที่เปิดสอนสายสามัญ
สถานศึกษาที่เปิดสอนสายสามัญมีทั้งภาครัฐและเอกชน
สังกัดสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ยกตัวอย่างเช่น
โรงเรียนภาครัฐต่าง ๆ
โรงเรียนเอกชนต่าง ๆ
โรงเรียนนานาชาติ และโรงเรียนทางเลือก ซึ่งกำลังเป็นที่สนใจของยุคสมัยนี้
ข้อคิดเห็นเพิ่มเติม
สำหรับการศึกษาสายสามัญเป็นหนทางพัฒนาผู้เรียนสู่การเป็นคลังสมองของประเทศ และเป็นแรงงานที่สนับสนุนการผลิตของประเทศในด้านต่าง ๆ ตามความสามารถ ซึ่งการศึกษาในยุคปัจจุบันกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลงทิศทางตามกระแสโลกและกระแสการพัฒนาประเทศ ผลสุดท้าย คือ ผู้เรียนได้รับผลจากสิ่งที่ผู้ใหญ่พิจารณากัน
แต่ที่น่าจับตามองคือ การพัฒนาการเรียนรู้จากแนวคิดโรงเรียนทางเลือก เป็นอีกช่องทางหนึ่งสำหรับผู้ปกครองที่สนใจพัฒนาบุตรหลานของตนให้เป็นพลเมืองโลกที่สมบูรณ์ มีภูมิคุ้มกันที่ดี
การศึกษาต่อสายสามัญ (ม.4-ม.6)
การศึกษาต่อของนักเรียนที่จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แล้ว มีความส าคัญอย่างยิ่งต่อ
ตัวนักเรียนเพราะนั่นจะเป็นตัวก าหนดอนาคตของเส้นทางอาชีพว่าจะเดินต่อไปในทางใด
การศึกษาต่อหลังจากจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แล้วการเข้าศึกษาต่อในสายสามัญคือ
มัธยมศึกษาปีที่ 4 – 6 เป็นการศึกษาในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในช่วงชั้นที่ 4
เป็นหลักสูตรการศึกษาที่เน้นการศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาระดับปริญญาตรีในสาขาวิชา
ต่างๆ ใช้ระยะเวลาในการศึกษาตามหลักสูตรคือ 3 ปีโดยแบ่งการศึกษาออกเป็นกลุ่มสาระ
ต่างๆ ตามความถนัดและความสนใจของนักเรียน คือ
1.กลุ่มที่เน้นการเรียนรู้ด้าน วิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ (วิทย์-คณิต)
2.กลุ่มที่เน้นการเรียนรู้ด้าน ศิลปศาสตร์-คณิตศาสตร์ (ศิลป์-ค านวณ)
3.กลุ่มที่เน้นการเรียนรู้ด้าน ศิลปศาสตร์-ภาษา (ศิลป์-ภาษา)
4.กลุ่มที่เน้นการเรียนรู้ด้าน ศิลปศาสตร์-สังคม (ศิลป์-สังคม)
คุณสมบัติ
1.ส าเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 หรือเทียบเท่า
2.เป็นโสด ไม่จ ากัดอายุ
3.มีผลการเรียนตามที่แต่ละโรงเรียนก าหนด
หลักฐานในการสมัครเข้าศึกษา
1.ใบสมัครของโรงเรียนที่จะเข้าศึกษา
2.ส าเนาทะเบียนบ้าน
3.ส าเนาระเบียนแสดงผลการเรียนหรือหลักฐานแสดงการจบการศึกษาชั้นม.3
หรือเทียบเท่า(ปพ.1)หรือ ใบรับรองการศึกษา(ปพ.7)
4.ส าเนาการเปลี่ยนชื่อ-สกุล (ถ้ามี)
โรงเรียนที่เปิดสอน
1.โรงเรียนมัธยมศึกษาในสังกัดของส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)
2.โรงเรียนมัธยมศึกษาภายใต้การก ากับดูแลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (เช่น
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์)
3.โรงเรียนสาธิตของมหาวิทยาลัยต่างๆ สังกัดส านักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
4.โรงเรียนเอกชนในสังกัดส านักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน
สถานที่ที่สามารถเหมาะสมกับการศึกษาต่อหลังจยการศึกษาสายต่างๆ
จบ ม.6 สายวิทย์ โรงเรียนรัฐบาล
คณะเกษตรศาสตร์
คณะคุรุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์
คณะจิตวิทยา
คณะทันตแพทย์ศาสตร์
คณะพยาบาลศาสตร์
คณะแพทย์ศาสตร
คณะเภสัชศาสตร์
คณะวิศวกรรมศาสตร์
คณะสถาปัตยกรรมศาสร์
คณะสหเวชศาสตร์/เทคนิคแพทย์
คณะสัตวแพทย์ศาสตร์
คณะสาธารณสุขศาสตร์
คณะอุตสาหกรรมการเกษตร
จบ ม.6 สายศิลป์ โรงเรียนรัฐบาล
คณะคุรุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์
คณะจิตวิทยา
คณะนิติศาสตร์
คณะนิเทศศษสตร์/วารสารศาสตร์
คณะบริหารธุรกิจ
คณะรัฐศาสตร์/รัฐประศาสนศาสตร์
คณะศิลปกรรม จิตกรรม ประติมากรรม
คณะเศรษฐศาสตร์
คณะสถาปัตยกรรมศษสตร์
คณะสังคมศาสตร์และมนุษยวิทยา
คณะสังคมศาสตร์
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์
คณะอักษรศาสตร์
คณะศิลปศาสตร์
คณะมนุษยศาสตร์
จบ ชั้นปีที่ 3
โรงเรียนเตรียมทหาร
โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า
โรงเรียนนายเรืออากาศ
โรงเรียนนายเรือ
มหาวิทยาลัยของรัฐหรือเอกชน
มหาวิทยาลัยแพทย์พระมงกุฏเกล
ทางเลือกทางหนึ่งสำหรับนักเรียนที่จบชั้น ม.3 ก็คือการศึกษาต่อในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551ในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย(ม.4-ม.6) ซึ่งการศึกษาต่อในหลักสูตรนี้เป็นการศึกษาต่อเพื่อเป็นการวางรากฐานที่ดีสำหรับการศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาในระดับปริญญาตรี สาขาวิชาต่างๆต่อไป
การศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย(ม.4-ม.6) ใช้เวลาเรียน 3 ปีโดยแบ่งการศึกษาออกเป็นกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆให้นักเรียนได้เลือกเรียนตามความสามารถและความสนใจของตนเองซึ่งพอจะแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มคือ
1.กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เน้น วิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์
2.กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เน้น ภาษา- คณิตศาสตร์
3.กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เน้น ภาษาต่างประเทศ (ฝรั่งเศส,เยอรมัน, ญี่ปุ่น)
![]() |
สายวิทย์ VS สายศิลป์ |
1.สำเร็จการศึกษาชั้น ม.3 หรือเทียบเท่าหรือกำลังศึกษาในชั้น ม.3 หรือเทียบเท่า
2.เป็นโสด ไม่จำกัดอายุ และอื่นๆ ที่สถานศึกษากำหนด เช่น เพศหญิงหรือเพศชาย เป็นต้น
หลักฐานในการสมัคร
1.ใบสมัครของสถานศึกษา และสำเนาทะเบียนบ้าน
2.หลักฐานการจบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3หรือเทียบเท่า
3.หรือใบรับรองของโรงเรียนเดิมว่ากำลังศึกษาอยู่ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หรือเทียบเท่า
สถาบันที่เปิดสอน
โรงเรียนมัธยมศึกษาที่เปิดสอนหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย(ม.4-ม.6)จะสังกัดอยู่ในหน่วยงานต่างๆ ดังนี้
1.โรงเรียนมัธยมศึกษา ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สทฐ)กระทรวงศึกษาธิการ (โรงเรียนรัฐบาล)
2.โรงเรียนที่มีสถานภาพเป็นองค์การมหาชน ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(เช่น โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์)
3.โรงเรียนสาธิต ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ(โรงเรียนสาธิตของมหาลัยต่างๆ)
4.โรงเรียนเอกชน ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช)
การศึกษาต่อสายสามัญ (ม.4-ม.6)
การศึกษาต่อของนักเรียนที่จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แล้ว มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อตัวนักเรียนเพราะนั่นจะเป็นตัวกำหนดอนาคตของเส้นทางอาชีพว่าจะเดินต่อไปในทางใด การศึกษาต่อหลังจากจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แล้วการเข้าศึกษาต่อในสายสามัญคือ มัธยมศึกษาปีที่ 4 – 6 เป็นการศึกษาในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในช่วงชั้นที่ 4 เป็นหลักสูตรการศึกษาที่เน้นการศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาระดับปริญญาตรีในสาขาวิชาต่างๆ ใช้ระยะเวลาในการศึกษาตามหลักสูตรคือ 3 ปีโดยแบ่งการศึกษาออกเป็นกลุ่มสาระต่างๆ ตามความถนัดและความสนใจของนักเรียน คือ
1.กลุ่มที่เน้นการเรียนรู้ด้าน วิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์(วิทย์-คณิต)
2.กลุ่มที่เน้นการเรียนรู้ด้าน ศิลปศาสตร์-คณิตศาสตร์ (ศิลป์-คำนวณ)
3.กลุ่มที่เน้นการเรียนรู้ด้าน ศิลปศาสตร์-ภาษา (ศิลป์-ภาษา)
4.กลุ่มที่เน้นการเรียนรู้ด้าน ศิลปศาสตร์-สังคม (ศิลป์-สังคม)
คุณสมบัติ
1.สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 หรือเทียบเท่า
2.เป็นโสด ไม่จำกัดอายุ
3.มีผลการเรียนตามที่แต่ละโรงเรียนกำหนด
หลักฐานในการสมัครเข้าศึกษา
1.ใบสมัครของโรงเรียนที่จะเข้าศึกษา
2.สำเนาทะเบียนบ้าน
3.สำเนาระเบียนแสดงผลการเรียนหรือหลักฐานแสดงการจบการศึกษาชั้น ม.3 หรือเทียบเท่า
โรงเรียนที่เปิดสอน
1.โรงเรียนมัธยมศึกษาในสังกัดของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)
2.โรงเรียนมัธยมศึกษาภายใต้การกำกับดูแลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (เช่น โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์)
3.โรงเรียนสาธิตของมหาวิทยาลัยต่างๆ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
4.โรงเรียนเอกชนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน
การเรียนสายสามัญ
สายสามัญ คือ การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานตามกระทรวงศึกษาธิการกำหนด โดยให้ความสำคัญกับการจัดการเรียนการสอน 8 กลุ่มสาระ และสาระเพิ่มเติม เช่น กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน กิจกรรมแนะแนว เป็นต้น
โดยการจัดการศึกษาสายสามัญ แบ่งออกเป็นระดับประถมศึกษาตอนต้น
ระดับประถมศึกษาตอนปลาย
ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ความสามารถทุกด้าน ตามลำดับขั้นและหลักสูตรของสถานศึกษา และหลักสูตรของกระทวงศึกษากำหนดไว้ ว่าแต่ละระดับควรพัฒนาด้านใดบ้าง และเพิ่มเติมความรู้ ความสามารถในด้านใด
สำหรับสายสามัญในระดับมัธยม
ศึกษาตอนปลายจะมีการแบ่งชั้นเรียน เป็น สายวิทย์ สายศิลป์
สำหรับแบ่งผู้เรียน เพื่อนำไปเป็นเกณฑ์คัดเลือกนักศึกษาในระดับอุดมศึกษาต่อไป เนื่องจากในบางสาขาวิชาของมหาวิทยาลัยมีการกำหนดไว้ชัดเจนว่าให้สายการศึกษา สายใดเข้าศึกษาได้
ทั้งนี้เพื่อประโยชน์สำหรับผู้เรียน เพราะผู้เรียนที่สนใจสาขาวิชานั้น ๆ จะต้องมีความรู้พื้นฐานมาพอสมควรในการศึกษาสาขาวิชานั้น ๆ จึงจะสำเร็จการศึกษาได้ด้วยดี
คุณสมบัติของผู้ศึกษาต่อในสายสามัญ1. เป็นผู้ผ่านความรู้พื้นฐานตามระดับชั้นกำหนด
2. สนใจเรียนรู้
3. รักการศึกษาค้นคว้า
4. มีระเบียบวินัยในตนเอง
5. เคารพต่อกฎระเบียบ
6. อื่นๆ
สถานศึกษาที่เปิดสอนสายสามัญ
สถานศึกษาที่เปิดสอนสายสามัญมีทั้งภาครัฐและเอกชน
สังกัดสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ยกตัวอย่างเช่น
โรงเรียนภาครัฐต่าง ๆ
โรงเรียนเอกชนต่าง ๆ
โรงเรียนนานาชาติ และโรงเรียนทางเลือก ซึ่งกำลังเป็นที่สนใจของยุคสมัยนี้
ข้อคิดเห็นเพิ่มเติม
สำหรับการศึกษาสายสามัญเป็นหนทางพัฒนาผู้เรียนสู่การเป็นคลังสมองของประเทศ และเป็นแรงงานที่สนับสนุนการผลิตของประเทศในด้านต่าง ๆ ตามความสามารถ ซึ่งการศึกษาในยุคปัจจุบันกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลงทิศทางตามกระแสโลกและกระแสการพัฒนาประเทศ ผลสุดท้าย คือ ผู้เรียนได้รับผลจากสิ่งที่ผู้ใหญ่พิจารณากัน
แต่ที่น่าจับตามองคือ การพัฒนาการเรียนรู้จากแนวคิดโรงเรียนทางเลือก เป็นอีกช่องทางหนึ่งสำหรับผู้ปกครองที่สนใจพัฒนาบุตรหลานของตนให้เป็นพลเมืองโลกที่สมบูรณ์ มีภูมิคุ้มกันที่ดี
การศึกษาต่อสายสามัญ (ม.4-ม.6)
การศึกษาต่อของนักเรียนที่จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แล้ว มีความส าคัญอย่างยิ่งต่อ
ตัวนักเรียนเพราะนั่นจะเป็นตัวก าหนดอนาคตของเส้นทางอาชีพว่าจะเดินต่อไปในทางใด
การศึกษาต่อหลังจากจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แล้วการเข้าศึกษาต่อในสายสามัญคือ
มัธยมศึกษาปีที่ 4 – 6 เป็นการศึกษาในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในช่วงชั้นที่ 4
เป็นหลักสูตรการศึกษาที่เน้นการศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาระดับปริญญาตรีในสาขาวิชา
ต่างๆ ใช้ระยะเวลาในการศึกษาตามหลักสูตรคือ 3 ปีโดยแบ่งการศึกษาออกเป็นกลุ่มสาระ
ต่างๆ ตามความถนัดและความสนใจของนักเรียน คือ
1.กลุ่มที่เน้นการเรียนรู้ด้าน วิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ (วิทย์-คณิต)
2.กลุ่มที่เน้นการเรียนรู้ด้าน ศิลปศาสตร์-คณิตศาสตร์ (ศิลป์-ค านวณ)
3.กลุ่มที่เน้นการเรียนรู้ด้าน ศิลปศาสตร์-ภาษา (ศิลป์-ภาษา)
4.กลุ่มที่เน้นการเรียนรู้ด้าน ศิลปศาสตร์-สังคม (ศิลป์-สังคม)
คุณสมบัติ
1.ส าเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 หรือเทียบเท่า
2.เป็นโสด ไม่จ ากัดอายุ
3.มีผลการเรียนตามที่แต่ละโรงเรียนก าหนด
หลักฐานในการสมัครเข้าศึกษา
1.ใบสมัครของโรงเรียนที่จะเข้าศึกษา
2.ส าเนาทะเบียนบ้าน
3.ส าเนาระเบียนแสดงผลการเรียนหรือหลักฐานแสดงการจบการศึกษาชั้นม.3
หรือเทียบเท่า(ปพ.1)หรือ ใบรับรองการศึกษา(ปพ.7)
4.ส าเนาการเปลี่ยนชื่อ-สกุล (ถ้ามี)
โรงเรียนที่เปิดสอน
1.โรงเรียนมัธยมศึกษาในสังกัดของส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)
2.โรงเรียนมัธยมศึกษาภายใต้การก ากับดูแลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (เช่น
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์)
3.โรงเรียนสาธิตของมหาวิทยาลัยต่างๆ สังกัดส านักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
4.โรงเรียนเอกชนในสังกัดส านักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน
สถานที่ที่สามารถเหมาะสมกับการศึกษาต่อหลังจยการศึกษาสายต่างๆ
จบ ม.6 สายวิทย์ โรงเรียนรัฐบาล
คณะเกษตรศาสตร์
คณะคุรุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์
คณะจิตวิทยา
คณะทันตแพทย์ศาสตร์
คณะพยาบาลศาสตร์
คณะแพทย์ศาสตร
คณะเภสัชศาสตร์
คณะวิศวกรรมศาสตร์
คณะสถาปัตยกรรมศาสร์
คณะสหเวชศาสตร์/เทคนิคแพทย์
คณะสัตวแพทย์ศาสตร์
คณะสาธารณสุขศาสตร์
คณะอุตสาหกรรมการเกษตร
จบ ม.6 สายศิลป์ โรงเรียนรัฐบาล
คณะคุรุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์
คณะจิตวิทยา
คณะนิติศาสตร์
คณะนิเทศศษสตร์/วารสารศาสตร์
คณะบริหารธุรกิจ
คณะรัฐศาสตร์/รัฐประศาสนศาสตร์
คณะศิลปกรรม จิตกรรม ประติมากรรม
คณะเศรษฐศาสตร์
คณะสถาปัตยกรรมศษสตร์
คณะสังคมศาสตร์และมนุษยวิทยา
คณะสังคมศาสตร์
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์
คณะอักษรศาสตร์
คณะศิลปศาสตร์
คณะมนุษยศาสตร์
จบ ชั้นปีที่ 3
โรงเรียนเตรียมทหาร
โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า
โรงเรียนนายเรืออากาศ
โรงเรียนนายเรือ
มหาวิทยาลัยของรัฐหรือเอกชน
มหาวิทยาลัยแพทย์พระมงกุฏเกล
แนะนำสถานศึกษาสายอาชีวศึกษา
การศึกษาต่อสายอาชีวศึกษา
เป็นทางเลือกหนึ่ง สำหรับนักเรียนที่ประสงค์จะศึกษาต่อในด้านวิชชาชีพโดยตรง ใช้เวลาศึกษาตามหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ(ปวช.) 3 ปี เพื่อออกมาประกอบอาชีพเป็นช่างฝีมือระดับกลาง เหมาะสำหรับนักเรียที่ชอบเรียนด้านวิชาชีพหรือต้องการประกอบอาชีพได้เร็ว และเมือ่อจบการศึกษาในระดับ ปวช. แล้วก็สามารถศึกษาต่อในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพขั้นสูง(ปวส.) 2 ปี หรือระดับปริญญาตรี 4 ปีก็ได้
หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ(ปวช.)
หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2556 เป็นหลักสูตรที่พัฒนาขึ้นได้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการศึกษา พ.ศ.2542 พระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา พ.ศ.2551 และความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เพื่อผลิตกำลังคนระดับฝีมือที่สมรรถนะวิชาชีพ มีคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพ สามารถนำไปใช้ในการประกอบอาชีพได้ตรงความต้องการของตลาดแรงงานในลักษณะผู้ปฏิบัติ หรือประกอบอาชีพโดบเปิดโอกาสให้ผู้เรียนเลือกระบบและวิธีการเรียนได้อย่างเหมาะสมตามศักยภาพ ตามความสนใจและโอกาสของตน ส่งเสริมให้มีการประสานความร่วมมือ เพื่อจัดการศึกษาและพัฒนาหลักสูตรร่วมกันระหว่างสถาบัน สถานศึกษา หน่วยงานสถานประกอบการ และองค์กรต่างๆทั้งในระดับชุมชน ระดับท้องถิ่น และระดับชาติ
ประเภทวิชาที่เปิดสอน
หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2556 ได้แบ่งประเภทวิชาที่เปิดสอนไว้ 9 ประเภทวิชา คือ
1.ประเภทวิชาอุตสาหกรรม
แบ่งออกเป็นสาขาวิชาต่างๆ ดังนี้ สาขาวิชาช่างยนต์ ช่างกลโรงงาน ช่างเชื่อมโลหะ ช่างไฟฟ้ากำลัง ช่างอิเล็กทรอนิกส์ ช่างก่อสร้าง ช่างเครื่องเรือนและตกแต่งภายในสถาปัตยกรรม สำรวจ ช่างเขียนแบบเครื่องกล ช่างซ่อมบำรุง ช่างพิมพ์ เทคนิคแว่นตาและเลนส์ ช่างต่อเรือ โทรคมนาคม โยธา อุตสาหกรรมยาง และสาขาวิชาเมคคาทรอนิกส์ โดยมีตัวอย่างการศึกษาในแต่ละสาขา เช่น
สาขาวิชาช่างกลโรงงาน
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาเกี่ยวกับงานโลหะเบื้องต้น การใช้เครื่องกลทุกชนิด เช่น เครื่องกลึง เครื่องใส เครื่องเจียระไน งานเขียนแบบเครื่องกล และงานซ่อมเครื่องมือกลการเชื่อมโลหะและงานหล่อโลหะ เป็นต้น
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถไปปฏิบัติงานในโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ รับราชการเป็นช่างเทคนนิค หรือสามารถที่จะประกอบอาชีพอิสระ
สาขาวิชาช่างเชื่อมโลหะ
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาเกี่ยวกับการหล่อโลหะทุกชนิด โลหะวิทยา การเชื่อมโลหะทุกชนิด (ไฟฟ้า ก๊าซ และการเชื่อมพลาสติก ฯลฯ) การอบชุบโลหะ การเคลือบโลหะ การเคลือบผิวโลหะ การกลึง ไส ตัดโลหะ โดยใช้เครื่องมือกล งานเขียนแบบและประเมินราคางานโลหะ การออแบบและจัดกระสวนงานหล่อ การควบคุมคุณภาพ และการจัดการอุตสาหกรรม
อาชีพหลังจากจบการศึกษา ผู้ที่สำเร็จกรศึกษาสาขาวิช่นี้ สามารถไปปฏิบัติงานในโรงงานอุตสาหกรรมประเภทโรงหล่อ ช่างโครงสร้างเหล็ก ช่างเทคนิคทางด้านงานเขียนแบบอุตสาหากรรม งานควบคุมคุณภาพโรงงานอุตสาหากรรม รับราชการครู การประกอบอาชีพอิสระ เป็นต้น
สาขาวิชาช่างยนต์
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาเกียวกับการตรวจซ่อม บำรุงรักษ และแก้ไขปรับปรุงสภาพเครื่องยนต์ ระยนต์ ที่งแก๊สโซลีนและดีเซล ระบบส่งกำลัง ระบบการรองรับน้ำหนัก ระบบห้ามล้อ ระบบไฟฟ้ารถยนต์ รวมทั้งงานตัวถังและการพ่นสีรถยนต์ นอกจากนี้ยังศึกษาเกี่ยวกับงานที่ต้องใช้เครื่องมือ อุปกรณ์พิเศษบางอย่าง เช่น การใช้สโคปเพื่อตรวงวัตถุระเบิด เครื่องวิเคราะห์ไอเสียรถยนต์ เครื่องตรวงจุดจานจ่าย การตั้งมุมล้อ-ศูนย์ล้อถ่วงล้อฯลฯ
อาชีพหลังจากจบการศึกษา เช่น โรงงานอุตสาหกรมมต่างๆ รัฐวิสาหกิจ พนักงานบริษัท ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับยานยนต์ หรือประกอบอาชีพอิสระ
สาขาวิชาช่างไฟฟ้ากำลัง
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาเกี่ยวกีบงานไฟฟ้าทั่วไป เช่น งานติดตั้งไฟฟ้า เครื่องกลไฟฟ่า ระบบควบคุมไฟฟ้าโรงงาน ระบบไฟฟ้าและระบบแสงสว่าง รวมทั้งศึกษาเกี่ยวกับเครื่องไฟฟ้า ระบบเครื่องทำความเย็น ระบบควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าด้วยอิเล็กทอนิกส์
อาชีพหลังจากจบการศึกษา เช่น รับราชการ รัฐวิสาหกิจ (การไฟฟ้าฝ่ายผลิต,การไฟฟ้านครหลวง,การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค,โรงพยาบาล,การประปา)โรงงานอุตสาหกรรมทั่วไป บริษัทประกอบการเกี่ยวกับอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด หรือประกอบอาชีพอิสระ
สาขาวิชาช่างอิเล็กทรอนิกส์
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาทั้งทางทฤษฏีและปฏิบัติในวิชาเครื่องรับวิทยุ เครื่องใส่วัตถุ เครื่องเสียง เครื่องรับโทรทัศน์ ระบบโทรคมนาคม ความรู้เบื้องต้นทางคอมพิวเตอร์และวงจรอิเล็กทรอนิกส์อุตสาหกรรมใหม่ๆตลอดจนการใช้เครื่องทดสอบอิเล็กทรอนิกส์ในการตรวงซ่อมผู้เรียนจบสาขานี้จะมีความรู้ในทางทฤษฏีและปฏิบัติ รวมที่งมีความชำนาญพอที่จะประกอบอาชีพได้ หรือใช้เป็นแนวทางใยการศึกษาค้นคว้าวิทยาการด้านอิเล็กทรอนิกส์ใหม่ๆต่อไป
อาชีพหลังจากจบการศึกษา เช่น ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมผลิตอุปกรณ์ด้านอิล็กทรอนิกส์ บริษัทประกอบการเกี่ยวกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องมือสื่อสาร เครื่องใช้ไฟฟ้า รัฐวิสาหกิจ(การไฟฟ้าผลิตแห่งประเทศไทย) ประกอบอาชีพอิสระ
สาขาวิชาช่างก่อสร้าง
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาเกี่ยวกับการคำนวณออกแบบโครงสร้าง การเขียนแบบ การประมาณราคาก่อสร้าง การทดสอบวัสดุก่อสร้าง การสำรวจภูมิประเทศเพื่องวางเงินก่อสร้าง และควบคุมการก่อสร้าง
อาชีพหลังจากจบการศึกษา เช่น ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม (เครือซิเมนต์ไทย) บริษัทประกอบการด้านก่อสร้างทั่วไป ประกอบอาชีพอิสระเกี่ยวกับการับเหมาก่อสร้าง
สาขาวิชาอุตสาหกรรมยาง
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาด้านเทคโนโลยีการยาง เพื่อปฏิบัติงานเป็นเจ้าหน้าที่ควบคุมการผลิตในโรงงานอุตสาหกรมยางดิบ ยางสำเร็จรูป โรงงานอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยางและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง หรืออุตสาหกรรมการทำสวนยางขนาดใหญ่
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถประกอบอาชีพ ดังนี้
งานในหน่วยเอกชน ปฏิบัติงานในโรงงานผลิตยางธรรมชาติ โรงงานยางข้น ยางเครพ ยางแม่ง และโรงงายผลิตภัณฑ์ยาง ในหน้าที่เกี่ยกับกระบวนการผลิตในโรงงาน การควบคุมคุณภาพ และการตรวจสอบคุณภาพ
งานราชการ สามารถเข้าทำงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ประจำห้องปฏบัติการผู้ช่วยนักวิจัย เจ้าหนาที่ส่งเสริมในสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง สถาบันวิจัยยาง และหน่วยราชการที่ปฏิบัติงานทางด้านยางพารา
สาขาวิชาสำรวจ
ลักษณะวิชาชีพ การศึกษาเน้นด้านการปฏิบัติการเชิงวิชาการเกี่ยวกับการสำรวจทำแผนที่ราบ แผนที่ภูมิประเทศ แผนที่จากภาพถ่ายทางอากาศ การกำหนดตำแหน่งในงานสำรวจ สถาปัตยกรรมและวิศวกรรมต่างๆ การใช้เครื่องคำนวณและประมวลผลการสำรวจและฝึกทำษะในการใช้เครื่องมือสำรวจต่างๆ
อาชีพหลังจากจบการศึกษา เช่น บริษัทประกอบการรับเหมาก่อสร้าง (ผู้ช่วยวิศวกร เจ้าหน้าที่แผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ ช่างสำรวจ) รับราชการ (กรมที่ดิน กทม. กรมโยธา เทศบาล) เป็นต้น
สาขาวิชาโยธา
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาด้านวิศวกรรมที่เกี่ยวข้องกับการจัดการ การควบคุมงาน การตรวจสอบ การติดต่อประสานงาน และศึกษาทางด้านทฤษฏีและปฏิบัติตามหลักปฐพีกลศาสตร์เกี่ยวกับงานการทาง งานสำรวจ งานโครงสร้าง ทรัพยากรระบบสุขาภิบาล
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถประกอบอาชีพต่างๆ เช่น รับราชการ ทำงานในบริษัทรับเหมาก่อสร้าง และประกอบอาชีพอิสระ
สาขาวิชาข่างเครื่องเรือนตกแต่งภายใน
ลักษณะวิชาชีพ การศึกษาเน้นการออกแบบการผลิตเครื่องเรือน เขียนแบบและออกแบบเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ ธุรกิจพาณิชย์ศึกษา การวางแผน การกำหนดขั้นตอน การผลิต ประมาณราคาการใช้และบำรุงเครื่องจักรกล
อาชีพหลังจากจบการศึกษา เช่น ทำงายในบริษัทประกอบการด้านผลิตเครื่องเรือนเฟอร์นิเจอร์ ออกแบบตกแต่งภายใน รับเหมาก่อสร้าง ประกอบอาชีพอิระ หรือรับราชการ
สาขาวิชาสถาปัตกรรม
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาเกี่ยวกับทักษะการเขียนแบบสถาปัตยกรรม การเขียนแบบก่อสร้าง การนำทคโนโลยีไปใช้ในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับงานช่างสถาปัตยกรรมได้
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถประกอบอาชีพช่างเขียนแบบได้ทั้งในหน่วยงานของรัฐ และเอกชน ภายใต้การควบคุมของสถาปนิก หรือวิศวกร และสามารถศึกษาต่อในระดับ ปวส. และ/หรือระดับปริญญาตรีได้
2.ประเภทวิชาพาณิชยกรรม
แบ่งออกเป็นวิชาต่างๆ ดังนี้ สาขาวิชาการบัญชี การตลาด การเลขานุกรรม
คอมพิวเตอร์ธุรกิจธุรกิจสถานพยาบาล การประชาสัมพันธ์ ธุรกิจค้าปลีก และเลขาวิชาภาษาต่างประเทศ โดยมีตัวอย่างในการศึกษาในแต่ละสาขา เช่น
.สาขาวิชาการบัญชี
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาเกี่ยวกับการทำบัญชี และงบการเงินของธุรกิจทุกรูปแบบรวมถึงการจัดทำบัญชีของหน่วยงานภาครัฐบาลและการตรวจสอบบัญชีของธุรกิจเอกชน
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถไปปฎิบัติหน้าที่เป็นพนักงานบัญชีในธุรกิจทุกแขนง ผู้ช่วยผู้ตรวจสอบบัญชี พนักงานบัญชีในหน่วยงานของรัฐ
.สาขาวิชาการเลขานุการ
ลักษณะวิชาชีพ การศึกษาเน้นด้านทักษะการปฎิบัติงาน สามารถวิเคราะห์ตัดสินใจ และแก้ปัญหาอย่างมีหลักการ
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถปฏิบัติงานในหน่วยงานบริษัทเอกชนหรือรับราชการ
.สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาเกี่ยวกับหลักการของคอมพิวเตอร์ การประมวลผล การควบคุมระบบข้อมูลเพื่อการบริหาร ภาษาคอมพิวเตอร์ โปรแกรมสำเร็จรูปต่างๆ
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถปฎิบัติงานในหน่วยงานต่างๆ ได้ดังนี้ บริษัทผลิตซอฟต์แวร์ งานด้านคอมพิวเตอร์ บริษัททั่วไป รับราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือประกอบอาชีพอิสระ
. สาขาวิชาการตลาด
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาเกี่ยวกับงานบริหารธุรกิจ เน้นงานการตลาด งานการจัดซื้อและบริหารคลังพัสดุ งานวิจัยและข้อมูลการตลาด
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถไปปฎิบัติงานเป็นเจ้าหน้าที่การตลาด พนักงานจัดหาสินค้า พนักงานคลังสินค้า พนักงานวิจัย หรือผู้ประกอบธุรกิจ
3. ประเภทวิชาศิลปกรรม
แบ่งออกเป็นสาขาวิชาต่างๆ ดังนี้ สาขาวิจิตรศิลป์ การออกแบบ ศิลปหัตถกรรม ศิลปกรรมเซรามิก ศิลปหัตถกรรมรูปพรรณและเครื่องประดับ การถ่ายภาพและวีดีทัศน์เทคโนโลยีศิลปกรรม คอมพิวเตอร์กราฟิก อุตสาหกรรมเครื่องหนัง เครื่องประดับอัญมณี ช่างทองหลวง และสาขาวิชาศิลปะการดนตรีโดยมีตัวอย่างการศึกษาในแต่ล่ะสาขา เช่น
. สาขาวิชาการถ่ายภาพและวีดีทัศน์
ลักษณะวิชาชีพ การศึกษาเน้นเชิงวิชาการด้านการถ่ายภาพ การถ่ายภาพยนตร์และเทคโนโลยีและโทรทัศน์ การบันทึกเหตุการณ์ งานข่าวสาร และงานการศึกษา เน้นการปฎิบัติงานเฉพาะสาขาด้านการถ่ายภาพให้มีความรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถปฎิบัติงานในหน่วยงานต่างๆได้ดังนี้ สำนักพิมพ์ ภาพยนตร์ จำหน่ายอุปกรณ์เกี่ยวกับการถ่ายภาพและภาพยนตร์ ประกอบอาชีพอิสระ หรือรับราชการ เป็นต้น สาขาวิชาวิจิตรศิลป์
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาและปฎิบัติการเขียนภาพด้วยสีน้ำ สีโปสเตอร์ สีน้ำมัน ภาพหุ่นนิ่ง ประเภทดอกไม้ ผลไม้วัสดุด่างผิว เช่น โลหะ แก้ว ภาพทิวทัศน์ประเภทต้นไม้ สิ่งก่อสร้าง ภาพสัตว์และภาพคนเหมือน โดยเน้นเหมือนจริงตามธรรมชาติ และคุณค่าในงานศิลปะค้นคว้าศึกษารูปแบบงานจิตกรรม ศึกษาและปฎิบัติงานประติมากรรมทั้งแบบนูนต่ำและนูนสูง ลอยตัว จากแบบคน สัตว์จิงเน้นถึงฝีมือการแสดงออกที่เหมือนจริงตามธรรมชาติและคุณค่าในทางศิลปะ การจัดองค์ประกอบศิลปะในงานประติมากรรมค้นคว้าศึกษารูปแบบและเนื้อหา เพื่อถ่ายทอดออกมาเป็นผลงานประติมากรรม พร้อมทั้งปฎิบัติงานประติมากรรมด้วยวิธีการแกะสลักปั่นหล่อ โดยเลือกใช้เทคนิคและวิธีสอดคล้องกับหลักการ การศึกษาและปฎิบัติงานศิลปะภาพพิมพ์ด้วยกระบวนการ ภาพพิมพ์เบื่องต่ำ ภาพพิมพ์นูน เช่น ภาพพิมพ์วัสดุ กรรมวิธีการพิมพ์ตะแกรงไหม กรรมวิธีแม่พิมพ์ร่องลึก โดยเน้นหนักในการค้นคว้า การเชื่อมโยงความคิด ทดลองรูปแบบและวิธีการทำภาพขาว-ดำ และวิธีการพิมพ์สอดสีให้ป็นผลงานที่มีความคิดสร้างสรรค์มีการแสดงออกอย่างประณีตและมีคุณค่าในทางศิลปะ
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถเข้ารับราชการในหน่วยงานของกระทรวง กรมและองค์กรต่างๆ หรือทำงานในหน่วยงานของรัฐวิสาหกิจ หน่วยงานเอกชน บริษัท ธนาคาร โรงแรม ในตำแหน่งช่างศิลป์ นักออกแบบ หรือประกอบอาชีพอิสระเป็นจิตรกร ประติมากร เป็นต้น สามารถศึกษาต่อในระดับ ปวส,ปริญญาตรีในสาขาที่เกี่ยวข้องได้ สาขาวิชาคอมพิวเตอร์กราฟิก
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาและปฎิบัติเกี่ยวกับการออกแบบงานกราฟิก เพื่อเน้นประโยชน์ในด้านการสื่อสารและการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ทั้งในรูปแบบสื่อสิ่งพิมพ์ เช่น การออกแบบโลโก้ การออกแบบโปสเตอร์ การออกแบบกราฟิก เป็นต้น
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถประกอบอาชีพเป็นนักออกแบบกราฟิก ออกแบบรูปภาพ ตัวอักษร หรือภาพเคลื่อนไหวเพื่อใช้ในการออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์เป็นต้น สามารถศึกษาต่อในระดับ ปวส,ปริญญาตรีในสาขาที่เกี่ยวข้องได้
4. ประเภทวิชาคหกรรม
แบ่งออกเป็นสาขาวิชาต่างๆ ดังนี้ สาขาวิชาแฟชั่นและสิ่งทอ อาหารและโภชนาการ คหกรรมศาสตร์ และสาขาวิชาเสริมสวย โดยมีตัวอย่างการศึกษาในแต่ล่ะสาขา เช่น
. สาขาวิชาอาหารและโภชนาการ
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาเกี่ยวกับเทคนิคการทำอาหารแบบต่างๆวิธีการดำเนินการด้านอาหาร ศึกษาหลักโภชนาการ
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถไปปฎิบัติงานในหน่วยงานต่างๆ ได้ เช่น โรงแรม นักโภชนาการ นักกำหนดอาหาร พนักงานคหกิจเกษตร รับราชการ ( ครู นักโภชนาการประจำโรงพยาบาล) ประกอบอาชีพอิสระ โรงงานอุตสาหกรรมผลิตอาหาร (ปฎิบัติงานอาหารและโภชนาการในโรงงาน หรือพนักงานควบคุมคุณภาพ)
.สาขาวิชาคหกรรมศาสตร์
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาทางด้านวิชาชีพทางคหกรรมศาสตร์ การพัฒนาตนเอง และครอบครัว การประดิษฐ์วัสดุต่างๆ
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถไปปฎิบัติงานในหน่วยงานต่างๆ ได้ เช่น บริษัทผลิตอาหาร ประกอบอาชีพอิสระ หรือรับราชการครู เป็นต้น
5.ประเภทวิชาเกษตรกรรม
.สาขาวิชาเกษตรศาสตร์
ลักษณะวิชาชีพ แบ่งตามสาขางานต่างๆ ได้ดังนี้
-สาขางานพืชศาสตร์ ศึกษาเกี่ยวกับการวางแผน การเตรียมการ ดำเนินการและจัดการผลิต และ/หรือบริการด้านงานเกษตร ในลักษณะครบวงจรเชิงธุรกิจ
-สาขางานพืชศาสตร์ ศึกษาตั้งแต่การวางแผน การเตรียมการเพาะปลูกปฎิบัติ ดูแลรักษาด้านพืชไร่ ไม้ผล ไม้ดอก พืชผัก พืชสวนประดับ พืชสมุนไพร และการปรับปรุงพันธุ์พืช ในลักษณะครบวงจรเพื่อจำหน่ายเชิงธุรกิจ
-สาขางานสัตวศาสตร์ ศึกษาทางด้านการเลี้ยงและการจักการฟาร์มทางด้านสัตว์ใหญ่ สัตว์เล็ก และสัตว์ปีก ในลักษณะครบวงจรเพื่อจำหน่ายเชิงธุรกิจ
-สาขางานช่างเกษตร เลือกใช้ บำรุงรักษา สร้าง และซ่อมแซมเบื่องต้น ในงานเครื่องยนต์เล็ก งานเครื่องทุ่นแรงฟาร์ม งานไฟฟ้าในฟาร์ม งานเชื่อมโลหะ งานช่างสำรวจ งานชลประทานเพื่อการเกษตร วางแผนงานการเกษตรอื่นๆ ในลักษณะงานเชิงธุรกิจ
-สาขางานอุตสาหกรรมการเกษตร วางแผน เตรียมการ ดำเนินการและจัดการ ผลิตภัณฑ์สัตว์ ผลิตภัณฑ์นม ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ ผลิตภัณฑ์เกษตรชนิดอื่นๆ ในลักษณะครบวงจรเพื่อจำหน่ายเชิงธุรกิจ
-สาขางานผลิตสัตว์น้ำ ศึกษาด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ การจัดการและการอนุรักษ์สัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์ประมง
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถประกอบอาชีพได้ดังนี้
รับราชการ ในกระทรวง กรม และหน่วยงานต่างๆ เช่น พนักงานสัตวบาลในสังกัดกรมปศุสัตว์ ซึ่งจะประจำอยู่ ใน สถานวิจัย บำรุงพันธุ์สัตว์ หรือสถานีพืชอาหารสัตว์ในจังหวัดต่างๆ พนักงานหรือเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้แก่ กรมส่งเสริมการเกษตร (เจ้าหน้าที่ส่งเสริมและพนักงานการเกษตรตำบล อำเภอ จังหวัด) กรมวิชาการเกษตร(เจ้าพนักงานเกษตร สถานีทดลองหรือวิจัยพืชสวน พืชไร่) กระทรวงศึกษาธิการ ได้แก่ ผู้ช่วยวิจัยและห้องปฎิบัติการของมหาวิทยาลัย และสถานีวิจัยพืชผลต่างๆ เป็นต้น
พนักงาน,ลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ เช่น เจ้าพนักงาน เจ้าหน้าที่สินเชื่อธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ ธนาคารพานิชย์ กองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง
ประกอบอาชีพอิสระ ประกอบอาชีพอิสระที่เกี่ยวกับการเลี้ยงสัตว์ เช่น เป็นเจ้าของฟาร์มสัตว์ ธุรกิจจำหน่ายวัสดุ-อุปกรณ์อาหารสัตว์ ทำสวนดอกไม้ ไม้ประดับ ไม้ผล สวนยางพารา ทำเรือนเพาะชำ ขายกล้วยไม้ และวัสดุทางการเกษตร ขายวัสดุทางการเกษตร และเคมีภัณฑ์ทางการเกษตร
ลูกจ้างบริษัทและเอกชน พนักงานประจำฟาร์มสัตว์ เช่น ฟาร์มสุกร ฟาร์มไก่,เนื้อ,ไก่ไข่ฟาร์มโค ฯลฯ พนักงานจำหน่ายวัสดุ-อุปกรณ์ ยา-เวชภัณฑ์ ที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงสัตว์ พนักงานขายหรือเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการขายวัสดุเคมีภัณฑ์ทางการเกษตรพนักงานขาย หรือเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการขายวัสดุและเคมีภัณฑ์ และอุปกรณ์ในห้องปฏิบัติการ ลูกจ้างสวนหรือฟาร์มเอกชน เป็นต้น
6.ประเภทวิชาประมง
แบ่งออกเป็นสาขาวิชาต่างๆ ดังนี้
สาขาวิชาเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
ลักษณะวิชาชีพ
ปฏิบัติงานพื้นฐานอาชีพเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำตามหลักและกระบวนการ เลือกใช้และบำรุงรักษาเครื่องมือ อุปกรณ์ และเครื่องจักรในงานอาชีพเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ โดย คำนึงถึงความประหยัดและปลอดภัย เตรียมการ ดำเนินการเฉพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ดูแลรักษาและจัดการผลผลิตในลักษณะครบวงจรเพื่อจำหน่ายเชิงธุรกิจ เลือกใช้ และ/หรือประยุกต์ใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ กระบวนการจัดการธุรกิจ และหลักการบริหารงานคุณภาพ เพื่อพัฒนา และส่งเสริมสนับสนุนงานด้านเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
สาขาวิชาการแปรรูปสัตว์น้ำ
ลักษณะวิชาชีพ
ปฏิบัติงานพื้นฐานอาชีพแปรรูปสัตว์น้ำตามหลักการและกระบวนการ เลือกใช้ และ บำรุงรักษาเครื่องมือ อุปกรณ์และเครื่องจักรในงานอาชีพแปรรูปสัตว์น้ำ โดนคำนึงถึงความประหยัดและปลอดภัย ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และสารสนเทศกระบวนการจัดการธุรกิจ และหลักการบริหารงานคุณภาพเพื่อพัฒนาและสนับสนุนงานอาชีพแปรรูปสัตว์น้ำ
อาชีพหลังจบการศึกษาของที่งสองสาขา สามารถปฏิบติงานด้านธุรกิจอาหารสัตว์ น้ำ ธุรกิจจำหน่ายสัตว์น้ำ ฟาร์มสัตว์น้ำ ทำงานในบริษัทเอกชนต่างๆ และสามารถเลือกศึกษาต่อในระดับ ปวส. ปริญญาตรี ในสาขาทีเกี่ยวข้องได้
7.ประเภทวิชาอุตสาหกรมมท่องเที่ยว
แบ่งออกเป็นสาขาวิชาต่างๆ ดังนี้
สาขาวิชาการโรงแรม
ลักษณะวิชาชีพ บุคลากรมีความรู้ความสามารถที่จะปฏิบัติงานในหน้าที่ระดับผู้ปฏิบติงาน ระดับหัวหน้างาน ระดับผู้ช่วยผู้บริหาร และระดับผู้บริหาร สามารถปฏิบติงานในหน้าที่บุคลากรด้านโรงแรม
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถไปปฏิบัติงานในธุรกิจโรงแรม
สาขาวิชาการท่องเที่ยว
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ลักษณะการปฏิบัติหน้าที่ระดับผู้ปฏิบัติงาน ระดับผู้ช่วยบริหาร และระดับผู้บริหาร
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถไปปฏิบัติงานในหน่วยงานต่างๆได้ดังนี้ บริษัทท่องเที่ยว โรงแรม บริษัทเอกชน ธุรกิจการบิน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
8.ประเภทวิชาอุตสาหกรรมสิ่งทอ
แบ่งเป็นสาขาวิชาต่างๆดังนี้
สาขาวิชาเคมีสิ่งทอ
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาเกี่ยวกับการเตรียมสิ่งทอ การย้อมสี การพิมพ์ผ้า การตกแต่ง กระบวนการผลิตทางเคมี การวิเคราะห์และทอดสอบวัสดุเส้นใย
อาชีพหลังจากจบการศึกษา เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วสามารถปฏิบัติงานในโรงงานอุตสาหกรรมสิ่งทอในด้านการผลิตเส้นใย การผลิตย้อมสี การผลิตผ้าผืน การฟอก การย้อม การควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์ การตรวจสอบคุณภาพวัตถุดิบสิ่งทอ ปฏิบัติงานด้านบริหารโรงงาน การวิเคราะห์และการทดสอบทางเคมี หรือการศึกษาต่อระดับปริญญาตรีในคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล วิชาเอกเคมีสิ่งทอ
สาขาวิชาเทคโนโลยีเครื่องนุ่งห่ม
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาด้านออกแบบ วิเคราะห์แบบ การวางแผนและควบคุมงานเกี่ยวกับการผลิต การวิเคราะห์ การควบคุมการผลิต การประยุกต์ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับผ้านในงานอุตสาหกรรมเสื้อฟ้า การตรวจสอบมาตรฐานเสื้อผ้า และวิธีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถำงานในโรงงานอุตสาหกรรมตัดเย็บเสื้อผ้าสำเร็จรูป และทำงานสายงานที่เกี่ยวข้อง เช่น พัฒนารูแบบผลิตภัณฑ์ พัฒนากระบวนการผลิต หรือศึกษาในระดับปริญญาตรีในคณะวิศวกรรมศาสตร์ วิชาเอกเทคโลยีเสื้อผ้า คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม วิชาเอกผลิตภัณฑ์เสื้อผ้า เป็นต้น
สาขาวิชาเทคโนโลยีสิ่งทอ
ลักษณะวิชาชีพ มีความรู้เกี่ยวกับหลักการ กระบวนการของงานผลิตด้านอุตสาหกรรมสิ่งทอ สามารถปฏิบัติงานทอผ้าพื้นเมือง เตรียมการทอผ้าด้วยเครื่องจักรออกแบบลายทอ ออกแบบโครงสร้างผ้าถัก ถ้กผ้าและปั่นด้าย และสามารถตรวจสอบคุณภาพงานสิ่งทอได้
การประกอบอาชีพ สามารถประกอบอาชีพอิสระด้านสิ่งทอ ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมสิ่งทอ โรงงานเสื้อผ้า บริษัทประกอบด้านผ้า และเครื่องแต่งกาย เป็นต้น
9.ประเภทวิชาสารสนเทศและการสื่อสาร
สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ
ลักษณะวิชาชีพ สามารถใช้คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพื่องงานอาชีพ แสดงความรู้และหลักการ กระบวนการของเป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศ ปฏิบัติงานเขียนโปรแกรมพัฒนาระบบงาน โปรแกรมประยุกต์ขนาดเล็ก โปรแกรมจัดการงานคอมพิวเตอร์ แก้ไขปรับปรุงโปรแกรมให้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้งาน ออกแบบวางแผน จัดการปรับปรุงพัฒนาระบบเครือข่าย พัฒนาโปรแกรมในอุปกรณ์คอมพิวเตอร์แบบพกพา พัฒนาเกม และแอนิเมชั่น เป็นต้น
อาชีพหลังจบการศึกษา สามารถประกอบอาชีพนักออกกแบบและพัฒนาเว็บไซต์นักพัฒนาโปรแกรม นักเทคโนโลยีสารสนเทศ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานและดูแลเครือข่าย หรืออาชีพอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีสารสนเทศไปประยุกต์ใช้งาน และสามารถศึกษาต่อในระดับ ปวส. และ/หรือปริญญาตรีในสาขาที่เกี่ยวข้องได้
สถานศึกษาที่เปิดสอนในสายอาชีวศึกษา
1.สถาบันการอาชีวศึกษา ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา เช่น วิทยาลัยเทคนิค วิทยาลัยอาชีวศึกษา วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี วิยาลับพณิชยการ วิทยาลัยสารพัดช่าง และวิทยาลัยการอาชีพ เป็นต้น
2.โรงเรียนและวิทยาลัยอาชีวศึกษาเอกชน
3.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
4.วิยาลัยช่างศิลป
แหล่งที่มา:หนังสือเส้นทางสู่อนาคตเมื่อจบม.3
การศึกษาต่อสายอาชีวศึกษา
นักเรียนที่จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 แล้วมีทางเลือกในการศึกษาต่อทางด้านสายอาชีพอีกทางหนึ่ง นั่นก็คือศึกษาต่อในโรงเรียนอาชีวศึกษา ซึ่งใช้เวลาในการศึกษาตามหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) 3 ปี โดยสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา มีหน้าที่โดยตรงในการจัดการศึกษาวิชาชีพ เพื่อพัฒนากำลังคนระดับกึ่งฝีมือ ระดับฝีมือและระดับผู้ชำนาญการเฉพาะสาขาวิชาชีพ (ระดับเทคนิค) ให้สอดคล้องกับตลาดแรงงาน สภาพเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม สามารถเป็นผู้ปฏิบัติงานหัวหน้างานหรือเป็นผู้ประกอบการ และการประกอบอาชีพอิสระได้โดยเน้นการแก้ปัญหาสร้างองค์ความรู้ในอาชีพ มีบุคลิกภาพ คุณธรรมและเจตคติที่ดี หลังจากศึกษาจบแล้วสามารถศึกษาต่อในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) อีก 2 ปี หรืออาจจะศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี 4 ปีก็ได้เช่นกัน
หลักสูตรการศึกษา
เปิดการศึกษาในประเภทวิชาต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. ประเภทวิชาอุตสาหกรรม
1.1 สาขาวิชาเครื่องกล แบ่งออกเป็น สาขางานยานยนต์ เครื่องกลอุตสาหกรรม เครื่องกลเรือ เครื่องกลเกษตร ตัวถังและสีรถยนต์
1.2 สาขาวิชาเครื่องมือกลและซ่อมบำรุง แบ่งออกเป็น สาขางานเครื่องมือกล ซ่อมบำรุงเครื่องจักรกล เขียนแบบเครื่องกล ชิ้นส่วนเครื่องจักรกลเกษตร แม่พิมพ์พลาสติก แม่พิมพ์โลหะ
1.3 สาขาวิชาโลหะการแบ่งออกเป็น สาขางานเชื่อมโลหะ อุตสาหกรรมต่อตัวถังรถโดยสาร
1.4 สาขาวิชาไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ แบ่งออกเป็น สาขางานไฟฟ้ากำลัง อิเล็กทรอนิกส์ โทรคมนาคม เมคคาทรอนิกส์ เทคนิคคอมพิวเตอร์
1.5 สาขาวิชาการก่อสร้างแบ่งออกเป็น สาขางานก่อสร้าง โยธา สถาปัตยกรรม เครื่องเรือนและการตกแต่งภายใน สำรวจ
1.6 สาขาวิชาการพิมพ์ แบ่งออกเป็น สาขางานการพิมพ์
1.7 สาขาวิชาแว่นตาและเลนส์ แบ่งออกเป็น สาขางานแว่นตาและเลนส์
1.8 สาขาวิชาการต่อเรือ แบ่งออกเป็น สาขางานต่อเรือโลหะ ต่อเรือไม้ ต่อเรือไฟเบอร์กล๊าส นาวาสถาปัตย์ ซ่อมบำรุงเรือ
1.9 สาขาวิชาผลิตภัณฑ์ยาง แบ่งออกเป็น สาขางานผลิตภัณฑ์ยาง
2. ประเภทวิชาพณิชยกรรม/บริหารธุรกิจ
2.1 สาขาวิชาพณิชยการแบ่งออกเป็น สาขางานการบัญชี การขาย การเลขานุการ คอมพิวเตอร์ธุรกิจ ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจสถานพยาบาล การประชาสัมพันธ์ ภาษาต่างประเทศ งานสำนักงานสำหรับผู้พิการทางสายตา
2.1 สาขาวิชาธุรกิจบริการ แบ่งออกเป็น สาขางานการจัดการความปลอดภัย การจัดการความสะอาด
3.ประเภทวิชาศิลปกรรม
3.1 สาขาวิชาศิลปกรรมแบ่งออกเป็น สาขางาน วิจิตรศิลป์ การออกแบบ ศิลปหัตถกรรม อุตสาหกรรมเครื่องหนัง เครื่องเคลือบดินเผา เทคโนโลยีการถ่ายภาพฯ เครื่องประดับอัญมณี ช่างทองหลวง เทคโนโลยีศิลปกรรม การพิมพ์สกรีน คอมพิวเตอร์กราฟิก ศิลปหัตถกรรมโลหะ รูปพรรณและเครื่องประดับ ดนตรีสากล เทคโนโลยีนิเทศศิลป์ ช่างทันตกรรม
4. ประเภทวิชาคหกรรม
4.1 สาขาวิชาผ้าและเครื่องแต่งกายแบ่งออกเป็น สาขางาน ผลิตและตกแต่งสิ่งทอ ออกแบบเสื้อผ้า ตัดเย็บเสื้อผ้า อุตสาหกรรมเสื้อผ้า ธุรกิจเสื้อผ้า
4.2 สาขาวิชาอาหารและโภชนาการแบ่งออกเป็น สาขางาน อาหารและโภชนาการ แปรรูปอาหาร ธุรกิจอาหาร
4.3 สาขาวิชาคหกรรมศาสตร์แบ่งออกเป็น สาขางาน คหกรรมการผลิต คหกรรมการบริการ ธุรกิจคหกรรม คหกรรมเพื่อการโรงแรม
4.4 สาขาวิชาเสริมสวยแบ่งออกเป็น สาขางาน เสริมสวย
5. ประเภทวิชาเกษตรกรรม
5.1 สาขาวิชาเกษตรศาสตร์แบ่งออกเป็น สาขางาน พืชศาสตร์ สัตวศาสตร์ อุตสาหกรรมเกษตร ช่างเกษตร เกษตรทั่วไป การประมง
6. ประเภทวิชาประมง
6.1 สาขาวิชาเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ แบ่งออกเป็น สาขางาน เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
6.2 สาขาวิชาแปรรูปสัตว์น้ำ แบ่งออกเป็น สาขางาน แปรรูปสัตว์น้ำ การผลิตซูริมิและผลิตภัณฑ์
6.3 สาขาวิชาประมงทะเล แบ่งออกเป็น สาขางาน ประมงทะเล
7. ประเภทวิชาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
7.1 สาขาวิชาการโรงแรมและการท่องเที่ยว แบ่งออกเป็น สาขางาน การโรงแรม การท่องเที่ยว
8. ประเภทวิชาอุตสาหกรรมสิ่งทอ
8.1 สาขาวิชาเทคโนโลยีสิ่งทอ แบ่งออกเป็น สาขางาน เทคโนโลยีสิ่งทอ
8.2 สาขาวิชาเคมีสิ่งทอ แบ่งออกเป็น สาขางาน เคมีสิ่งทอ
8.3 สาขาวิชาอุตสาหกรรมเสื้อผ้าสำเร็จรูป แบ่งออกเป็น สาขางาน อุตสาหกรรมเสื้อผ้าสำเร็จรูป
9. ประเภทวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
9.1 สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ แบ่งออกเป็น สาขางาน เทคโนโลยีสารสนเทศ
9.2 สาขาวิชาเทคโนโลยีระบบเสียง แบ่งออกเป็น สาขางาน เทคโนโลยีระบบเสียง
10. หลักสูตรประกาศนียบัตรครูเทคนิคชั้นสูง (ปทส.) 2551
10.1 สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิชาเอก คอมพิวเตอร์ธุรกิจ
10.2 สาขาวิชาเครื่องกล วิชาเอก เทคนิคช่างยนต์
10.3 สาขาวิชาเทคนิคการผลิต วิชาเอก เชื่อมและประสาน
10.4 สาขาวิชาโยธา วิชาเอก เทคนิคโยธา
10.5 สาขาวิชาไฟฟ้า วิชาเอก เทคนิคไฟฟ้ากำลัง
10.6 สาขาวิชาไฟฟ้า วิชาเอก เทคนิคไฟฟ้าสื่อสาร
การเรียนสายอาชีพ
สายอาชีพ คือ สายการศึกษาเฉพาะทาง โดยเน้นให้ผู้เรียนที่จบการศึกษาสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปประกอบอาชีพ หรือสมัครงานตามสาขานั้น ๆ ได้ ซึ่งถือว่าผู้ที่เรียนจบสาขาวิชานั้น ๆ เป็นผู้มีความรู้พื้นฐานสำหรับประกอบอาชีพนั้น ๆ ได้ เช่น
หลักสูตร ปวช. คือ หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ
หลักสูตร ปวส. คือ หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง
ระดับ ปวช. เป็นระดับการฝึกวิชาชีพระดับพื้นฐานในงานสายอาชีพนั้น ๆ ซึ่งมีรู้สามารถนำไปประกอบอาชีพได้ตามความรู้ที่เรียน
ส่วนระดับ ปวส. เป็นระดับความรู้ที่สูงขึ้นจาก ปวช. โดยเน้นความรู้เฉพาะมากขึ้นมีความรู้ความชำนาญพิเศษมากขึ้น
การศึกษาระดับสายอาชีพสามารถศึกษาต่อได้ถึงระดับสูงสุดเท่ากับการศึกษาสายสามัญ คือ ระดับปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก ซึ่งเป็นการพัฒนาการศึกษาตามลำดับขั้นสำหรับผู้สนใจศึกษาต่อระดับสูงขึ้นไปเพื่อยกระดับความรู้ความสามารถ
คุณสมบัติของผู้ศึกษาต่อในสายอาชีพ
1. เป็นผู้มีความรู้พื้นฐานระดับมัธยมต้นหรือเทียบเท่า
2. เป็นผู้มีความสนใจศึกษาสายอาชีพ ต้องการประกอบอาชีพตามสาขาที่เรียน
3. เป็นผู้มีระเบียบวินัยในตนเอง
4. ชอบแสวงหาความรู้
5. เคารพและศรัทธาต่อสถาบันการศึกษาที่เรียน
6. อื่นๆ
สถานศึกษาที่เปิดสอนสายอาชีพ
สถานศึกษาที่เปิดสอนสายอาชีพมีทั้งภาครัฐและเอกชน
สังกัดกรมอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ
ยกตัวอย่างเช่น
สารพัดช่างตามจังหวัดต่าง ๆ
วิทยาลัยเทคนิคต่าง ๆ
โรงเรียนพาณิชการต่าง ๆ
วิทยาลัยการอาชีพต่าง ๆ
มหาวิทยาลัยราชมคลต่าง ๆ
ข้อคิดเห็นเพิ่มเติม
สำหรับการศึกษาสายอาชีพเป็นอีกทางเลือกการการศึกษา สำหรับนักเรียนและผู้สนใจทั่วไปสามารถศึกษาเพิ่มเติมจากข้อมูลของสถาบันการศึกษาที่เปิดรับสมัครผู้สนใจเรียนสายอาชีพ
โดยสาขาวิชาที่เปิดสอนแต่ละยุคสมัยอาจมีการปรับเปลี่ยนไปบ้างตามความเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคม และตอบรับกับความต้องการของแรงงานที่ตลาดต้องการ
แต่การศึกษาสายอาชีพไม่ได้หยุดอยู่เพียงการเป็นแรงงานเท่านั้น ผู้ที่จบการศึกษาสามารถประกอบอาชีพส่วนตัว หรือเลือกศึกษาในระดับสูงขึ้นเพื่อพัฒนาวิชาชีพให้มีคุณค่าขึ้นได้ไม่ต่างจากการศึกษา
ในสายสามัญ อีกทั้งยังมีข้อดีกว่าสายสามัญบางประการ คือ เมื่อจบการศึกษาระดับ ปวช. หรือ ปวส. ท่านมีโอกาสเข้าทำงานมากกว่าจบระดับสายสามัญ
เนื่องจากมีความรู้ความชำนาญสามารถประกอบอาชีพนั้น ๆ ได้ตามความสามารถที่เรียน สามารถนำความรู้ที่ได้รับไปประกอบอาชีพส่วนตัว ประกอบอาชีพอิสระ หรือศึกษาต่อในระดับปริญญาได้เช่นกัน
การศึกษาต่อสายอาชีวศึกษา
เป็นทางเลือกหนึ่ง สำหรับนักเรียนที่ประสงค์จะศึกษาต่อในด้านวิชชาชีพโดยตรง ใช้เวลาศึกษาตามหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ(ปวช.) 3 ปี เพื่อออกมาประกอบอาชีพเป็นช่างฝีมือระดับกลาง เหมาะสำหรับนักเรียที่ชอบเรียนด้านวิชาชีพหรือต้องการประกอบอาชีพได้เร็ว และเมือ่อจบการศึกษาในระดับ ปวช. แล้วก็สามารถศึกษาต่อในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพขั้นสูง(ปวส.) 2 ปี หรือระดับปริญญาตรี 4 ปีก็ได้
หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ(ปวช.)
หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2556 เป็นหลักสูตรที่พัฒนาขึ้นได้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการศึกษา พ.ศ.2542 พระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา พ.ศ.2551 และความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เพื่อผลิตกำลังคนระดับฝีมือที่สมรรถนะวิชาชีพ มีคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพ สามารถนำไปใช้ในการประกอบอาชีพได้ตรงความต้องการของตลาดแรงงานในลักษณะผู้ปฏิบัติ หรือประกอบอาชีพโดบเปิดโอกาสให้ผู้เรียนเลือกระบบและวิธีการเรียนได้อย่างเหมาะสมตามศักยภาพ ตามความสนใจและโอกาสของตน ส่งเสริมให้มีการประสานความร่วมมือ เพื่อจัดการศึกษาและพัฒนาหลักสูตรร่วมกันระหว่างสถาบัน สถานศึกษา หน่วยงานสถานประกอบการ และองค์กรต่างๆทั้งในระดับชุมชน ระดับท้องถิ่น และระดับชาติ
ประเภทวิชาที่เปิดสอนหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2556 ได้แบ่งประเภทวิชาที่เปิดสอนไว้ 9 ประเภทวิชา คือ
1.ประเภทวิชาอุตสาหกรรม
แบ่งออกเป็นสาขาวิชาต่างๆ ดังนี้ สาขาวิชาช่างยนต์ ช่างกลโรงงาน ช่างเชื่อมโลหะ ช่างไฟฟ้ากำลัง ช่างอิเล็กทรอนิกส์ ช่างก่อสร้าง ช่างเครื่องเรือนและตกแต่งภายในสถาปัตยกรรม สำรวจ ช่างเขียนแบบเครื่องกล ช่างซ่อมบำรุง ช่างพิมพ์ เทคนิคแว่นตาและเลนส์ ช่างต่อเรือ โทรคมนาคม โยธา อุตสาหกรรมยาง และสาขาวิชาเมคคาทรอนิกส์ โดยมีตัวอย่างการศึกษาในแต่ละสาขา เช่น
สาขาวิชาช่างกลโรงงาน
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาเกี่ยวกับงานโลหะเบื้องต้น การใช้เครื่องกลทุกชนิด เช่น เครื่องกลึง เครื่องใส เครื่องเจียระไน งานเขียนแบบเครื่องกล และงานซ่อมเครื่องมือกลการเชื่อมโลหะและงานหล่อโลหะ เป็นต้น
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถไปปฏิบัติงานในโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ รับราชการเป็นช่างเทคนนิค หรือสามารถที่จะประกอบอาชีพอิสระ
สาขาวิชาช่างเชื่อมโลหะ
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาเกี่ยวกับการหล่อโลหะทุกชนิด โลหะวิทยา การเชื่อมโลหะทุกชนิด (ไฟฟ้า ก๊าซ และการเชื่อมพลาสติก ฯลฯ) การอบชุบโลหะ การเคลือบโลหะ การเคลือบผิวโลหะ การกลึง ไส ตัดโลหะ โดยใช้เครื่องมือกล งานเขียนแบบและประเมินราคางานโลหะ การออแบบและจัดกระสวนงานหล่อ การควบคุมคุณภาพ และการจัดการอุตสาหกรรม
อาชีพหลังจากจบการศึกษา ผู้ที่สำเร็จกรศึกษาสาขาวิช่นี้ สามารถไปปฏิบัติงานในโรงงานอุตสาหกรรมประเภทโรงหล่อ ช่างโครงสร้างเหล็ก ช่างเทคนิคทางด้านงานเขียนแบบอุตสาหากรรม งานควบคุมคุณภาพโรงงานอุตสาหากรรม รับราชการครู การประกอบอาชีพอิสระ เป็นต้น
สาขาวิชาช่างยนต์
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาเกียวกับการตรวจซ่อม บำรุงรักษ และแก้ไขปรับปรุงสภาพเครื่องยนต์ ระยนต์ ที่งแก๊สโซลีนและดีเซล ระบบส่งกำลัง ระบบการรองรับน้ำหนัก ระบบห้ามล้อ ระบบไฟฟ้ารถยนต์ รวมทั้งงานตัวถังและการพ่นสีรถยนต์ นอกจากนี้ยังศึกษาเกี่ยวกับงานที่ต้องใช้เครื่องมือ อุปกรณ์พิเศษบางอย่าง เช่น การใช้สโคปเพื่อตรวงวัตถุระเบิด เครื่องวิเคราะห์ไอเสียรถยนต์ เครื่องตรวงจุดจานจ่าย การตั้งมุมล้อ-ศูนย์ล้อถ่วงล้อฯลฯ
อาชีพหลังจากจบการศึกษา เช่น โรงงานอุตสาหกรมมต่างๆ รัฐวิสาหกิจ พนักงานบริษัท ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับยานยนต์ หรือประกอบอาชีพอิสระ
สาขาวิชาช่างไฟฟ้ากำลัง
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาเกี่ยวกีบงานไฟฟ้าทั่วไป เช่น งานติดตั้งไฟฟ้า เครื่องกลไฟฟ่า ระบบควบคุมไฟฟ้าโรงงาน ระบบไฟฟ้าและระบบแสงสว่าง รวมทั้งศึกษาเกี่ยวกับเครื่องไฟฟ้า ระบบเครื่องทำความเย็น ระบบควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าด้วยอิเล็กทอนิกส์
อาชีพหลังจากจบการศึกษา เช่น รับราชการ รัฐวิสาหกิจ (การไฟฟ้าฝ่ายผลิต,การไฟฟ้านครหลวง,การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค,โรงพยาบาล,การประปา)โรงงานอุตสาหกรรมทั่วไป บริษัทประกอบการเกี่ยวกับอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด หรือประกอบอาชีพอิสระ
สาขาวิชาช่างอิเล็กทรอนิกส์
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาทั้งทางทฤษฏีและปฏิบัติในวิชาเครื่องรับวิทยุ เครื่องใส่วัตถุ เครื่องเสียง เครื่องรับโทรทัศน์ ระบบโทรคมนาคม ความรู้เบื้องต้นทางคอมพิวเตอร์และวงจรอิเล็กทรอนิกส์อุตสาหกรรมใหม่ๆตลอดจนการใช้เครื่องทดสอบอิเล็กทรอนิกส์ในการตรวงซ่อมผู้เรียนจบสาขานี้จะมีความรู้ในทางทฤษฏีและปฏิบัติ รวมที่งมีความชำนาญพอที่จะประกอบอาชีพได้ หรือใช้เป็นแนวทางใยการศึกษาค้นคว้าวิทยาการด้านอิเล็กทรอนิกส์ใหม่ๆต่อไป
อาชีพหลังจากจบการศึกษา เช่น ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมผลิตอุปกรณ์ด้านอิล็กทรอนิกส์ บริษัทประกอบการเกี่ยวกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องมือสื่อสาร เครื่องใช้ไฟฟ้า รัฐวิสาหกิจ(การไฟฟ้าผลิตแห่งประเทศไทย) ประกอบอาชีพอิสระ
สาขาวิชาช่างก่อสร้าง
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาเกี่ยวกับการคำนวณออกแบบโครงสร้าง การเขียนแบบ การประมาณราคาก่อสร้าง การทดสอบวัสดุก่อสร้าง การสำรวจภูมิประเทศเพื่องวางเงินก่อสร้าง และควบคุมการก่อสร้าง
อาชีพหลังจากจบการศึกษา เช่น ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม (เครือซิเมนต์ไทย) บริษัทประกอบการด้านก่อสร้างทั่วไป ประกอบอาชีพอิสระเกี่ยวกับการับเหมาก่อสร้าง
สาขาวิชาอุตสาหกรรมยาง
ลักษณะวิชาชัพ ศึกษาด้านเทคโนโลยีการยาง เพื่อปฏิบัติงานเป็นเจ้าหน้าที่ควบคุมการผลิตในโรงงานอุตสาหกรมยางดิบ ยางสำเร็จรูป โรงงานอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยางและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง หรืออุตสาหกรรมการทำสวนยางขนาดใหญ่
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถประกอบอาชีพ ดังนี้
งานในหน่วยเอกชน ปฏิบัติงานในโรงงานผลิตยางธรรมชาติ โรงงานยางข้น ยางเครพ ยางแม่ง และโรงงายผลิตภัณฑ์ยาง ในหน้าที่เกี่ยกับกระบวนการผลิตในโรงงาน การควบคุมคุณภาพ และการตรวจสอบคุณภาพ
งานราชการ สามารถเข้าทำงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ประจำห้องปฏบัติการผู้ช่วยนักวิจัย เจ้าหนาที่ส่งเสริมในสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง สถาบันวิจัยยาง และหน่วยราชการที่ปฏิบัติงานทางด้านยางพารา
สาขาวิชาสำรวจ
ลักษณะวิชาชีพ การศึกษาเน้นด้านการปฏิบัติการเชิงวิชาการเกี่ยวกับการสำรวจทำแผนที่ราบ แผนที่ภูมิประเทศ แผนที่จากภาพถ่ายทางอากาศ การกำหนดตำแหน่งในงานสำรวจ สถาปัตยกรรมและวิศวกรรมต่างๆ การใช้เครื่องคำนวณและประมวลผลการสำรวจและฝึกทำษะในการใช้เครื่องมือสำรวจต่างๆ
อาชีพหลังจากจบการศึกษา เช่น บริษัทประกอบการรับเหมาก่อสร้าง (ผู้ช่วยวิศวกร เจ้าหน้าที่แผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ ช่างสำรวจ) รับราชการ (กรมที่ดิน กทม. กรมโยธา เทศบาล) เป็นต้น
สาขาวิชาโยธา
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาด้านวิศวกรรมที่เกี่ยวข้องกับการจัดการ การควบคุมงาน การตรวจสอบ การติดต่อประสานงาน และศึกษาทางด้านทฤษฏีและปฏิบัติตามหลักปฐพีกลศาสตร์เกี่ยวกับงานการทาง งานสำรวจ งานโครงสร้าง ทรัพยากรระบบสุขาภิบาล
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถประกอบอาชีพต่างๆ เช่น รับราชการ ทำงานในบริษัทรับเหมาก่อสร้าง และประกอบอาชีพอิสระ
สาขาวิชาข่างเครื่องเรือนตกแต่งภายใน
ลักษณะวิชาชีพ การศึกษาเน้นการออกแบบการผลิตเครื่องเรือน เขียนแบบและออกแบบเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ ธุรกิจพาณิชย์ศึกษา การวางแผน การกำหนดขั้นตอน การผลิต ประมาณราคาการใช้และบำรุงเครื่องจักรกล
อาชีพหลังจากจบการศึกษา เช่น ทำงายในบริษัทประกอบการด้านผลิตเครื่องเรือนเฟอร์นิเจอร์ ออกแบบตกแต่งภายใน รับเหมาก่อสร้าง ประกอบอาชีพอิระ หรือรับราชการ
สาขาวิชาสถาปัตกรรม
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาเกี่ยวกับทักษะการเขียนแบบสถาปัตยกรรม การเขียนแบบก่อสร้าง การนำทคโนโลยีไปใช้ในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับงานช่างสถาปัตยกรรมได้
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถประกอบอาชีพช่างเขียนแบบได้ทั้งในหน่วยงานของรัฐ และเอกชน ภายใต้การควบคุมของสถาปนิก หรือวิศวกร และสามารถศึกษาต่อในระดับ ปวส. และ/หรือระดับปริญญาตรีได้
2.ประเภทวิชาพาณิชยกรรม
แบ่งออกเป็นวิชาต่างๆ ดังนี้ สาขาวิชาการบัญชี การตลาด การเลขานุกรรม
คอมพิวเตอร์ธุรกิจธุรกิจสถานพยาบาล การประชาสัมพันธ์ ธุรกิจค้าปลีก และเลขาวิชาภาษาต่างประเทศ โดยมีตัวอย่างในการศึกษาในแต่ละสาขา เช่น
.สาขาวิชาการบัญชี
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาเกี่ยวกับการทำบัญชี และงบการเงินของธุรกิจทุกรูปแบบรวมถึงการจัดทำบัญชีของหน่วยงานภาครัฐบาลและการตรวจสอบบัญชีของธุรกิจเอกชน
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถไปปฎิบัติหน้าที่เป็นพนักงานบัญชีในธุรกิจทุกแขนง ผู้ช่วยผู้ตรวจสอบบัญชี พนักงานบัญชีในหน่วยงานของรัฐ
.สาขาวิชาการเลขานุการ
ลักษณะวิชาชีพ การศึกษาเน้นด้านทักษะการปฎิบัติงาน สามารถวิเคราะห์ตัดสินใจ และแก้ปัญหาอย่างมีหลักการ
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถปฏิบัติงานในหน่วยงานบริษัทเอกชนหรือรับราชการ
สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาเกี่ยวกับหลักการของคอมพิวเตอร์ การประมวลผล การควบคุมระบบข้อมูลเพื่อการบริหาร ภาษาคอมพิวเตอร์ โปรแกรมสำเร็จรูปต่างๆ
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถปฎิบัติงานในหน่วยงานต่างๆ ได้ดังนี้ บริษัทผลิตซอฟต์แวร์ งานด้านคอมพิวเตอร์ บริษัททั่วไป รับราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือประกอบอาชีพอิสระ
. สาขาวิชาการตลาด
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาเกี่ยวกับงานบริหารธุรกิจ เน้นงานการตลาด งานการจัดซื้อและบริหารคลังพัสดุ งานวิจัยและข้อมูลการตลาด
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถไปปฎิบัติงานเป็นเจ้าหน้าที่การตลาด พนักงานจัดหาสินค้า พนักงานคลังสินค้า พนักงานวิจัย หรือผู้ประกอบธุรกิจ
3. ประเภทวิชาศิลป
กรรมแบ่งออกเป็นสาขาวิชาต่างๆ ดังนี้ สาขาวิจิตรศิลป์ การออกแบบ ศิลปหัตถกรรม ศิลปกรรมเซรามิก ศิลปหัตถกรรมรูปพรรณและเครื่องประดับ การถ่ายภาพและวีดีทัศน์เทคโนโลยีศิลปกรรม คอมพิวเตอร์กราฟิก อุตสาหกรรมเครื่องหนัง เครื่องประดับอัญมณี ช่างทองหลวง และสาขาวิชาศิลปะการดนตรีโดยมีตัวอย่างการศึกษาในแต่ล่ะสาขา เช่น
. สาขาวิชาการถ่ายภาพและวีดีทัศน์
ลักษณะวิชาชีพ การศึกษาเน้นเชิงวิชาการด้านการถ่ายภาพ การถ่ายภาพยนตร์และเทคโนโลยีและโทรทัศน์ การบันทึกเหตุการณ์ งานข่าวสาร และงานการศึกษา เน้นการปฎิบัติงานเฉพาะสาขาด้านการถ่ายภาพให้มีความรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถปฎิบัติงานในหน่วยงานต่างๆได้ดังนี้ สำนักพิมพ์ ภาพยนตร์ จำหน่ายอุปกรณ์เกี่ยวกับการถ่ายภาพและภาพยนตร์ ประกอบอาชีพอิสระ หรือรับราชการ เป็นต้น
.สาขาวิชาวิจิตรศิลป์
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาและปฎิบัติการเขียนภาพด้วยสีน้ำ สีโปสเตอร์ สีน้ำมัน ภาพหุ่นนิ่ง ประเภทดอกไม้ ผลไม้วัสดุด่างผิว เช่น โลหะ แก้ว ภาพทิวทัศน์ประเภทต้นไม้ สิ่งก่อสร้าง ภาพสัตว์และภาพคนเหมือน โดยเน้นเหมือนจริงตามธรรมชาติ และคุณค่าในงานศิลปะค้นคว้าศึกษารูปแบบงานจิตกรรม ศึกษาและปฎิบัติงานประติมากรรมทั้งแบบนูนต่ำและนูนสูง ลอยตัว จากแบบคน สัตว์จิงเน้นถึงฝีมือการแสดงออกที่เหมือนจริงตามธรรมชาติและคุณค่าในทางศิลปะ การจัดองค์ประกอบศิลปะในงานประติมากรรมค้นคว้าศึกษารูปแบบและเนื้อหา เพื่อถ่ายทอดออกมาเป็นผลงานประติมากรรม พร้อมทั้งปฎิบัติงานประติมากรรมด้วยวิธีการแกะสลักปั่นหล่อ โดยเลือกใช้เทคนิคและวิธีสอดคล้องกับหลักการ การศึกษาและปฎิบัติงานศิลปะภาพพิมพ์ด้วยกระบวนการ ภาพพิมพ์เบื่องต่ำ ภาพพิมพ์นูน เช่น ภาพพิมพ์วัสดุ กรรมวิธีการพิมพ์ตะแกรงไหม กรรมวิธีแม่พิมพ์ร่องลึก โดยเน้นหนักในการค้นคว้า การเชื่อมโยงความคิด ทดลองรูปแบบและวิธีการทำภาพขาว-ดำ และวิธีการพิมพ์สอดสีให้ป็นผลงานที่มีความคิดสร้างสรรค์มีการแสดงออกอย่างประณีตและมีคุณค่าในทางศิลปะ
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถเข้ารับราชการในหน่วยงานของกระทรวง กรมและองค์กรต่างๆ หรือทำงานในหน่วยงานของรัฐวิสาหกิจ หน่วยงานเอกชน บริษัท ธนาคาร โรงแรม ในตำแหน่งช่างศิลป์ นักออกแบบ หรือประกอบอาชีพอิสระเป็นจิตรกร ประติมากร เป็นต้น สามารถศึกษาต่อในระดับ ปวส,ปริญญาตรีในสาขาที่เกี่ยวข้องได้
. สาขาวิชาคอมพิวเตอร์กราฟิก
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาและปฎิบัติเกี่ยวกับการออกแบบงานกราฟิก เพื่อเน้นประโยชน์ในด้านการสื่อสารและการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ทั้งในรูปแบบสื่อสิ่งพิมพ์ เช่น การออกแบบโลโก้ การออกแบบโปสเตอร์ การออกแบบกราฟิก เป็นต้น
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถประกอบอาชีพเป็นนักออกแบบกราฟิก ออกแบบรูปภาพ ตัวอักษร หรือภาพเคลื่อนไหวเพื่อใช้ในการออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์เป็นต้น สามารถศึกษาต่อในระดับ ปวส,ปริญญาตรีในสาขาที่เกี่ยวข้องได้
4. ประเภทวิชาคหกรรม
แบ่งออกเป็นสาขาวิชาต่างๆ ดังนี้ สาขาวิชาแฟชั่นและสิ่งทอ อาหารและโภชนาการ คหกรรมศาสตร์ และสาขาวิชาเสริมสวย โดยมีตัวอย่างการศึกษาในแต่ล่ะสาขา เช่น
. สาขาวิชาอาหารและโภชนาการ
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาเกี่ยวกับเทคนิคการทำอาหารแบบต่างๆวิธีการดำเนินการด้านอาหาร ศึกษาหลักโภชนาการ
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถไปปฎิบัติงานในหน่วยงานต่างๆ ได้ เช่น โรงแรม นักโภชนาการ นักกำหนดอาหาร พนักงานคหกิจเกษตร รับราชการ ( ครู นักโภชนาการประจำโรงพยาบาล) ประกอบอาชีพอิสระ โรงงานอุตสาหกรรมผลิตอาหาร (ปฎิบัติงานอาหารและโภชนาการในโรงงาน หรือพนักงานควบคุมคุณภาพ)
.สาขาวิชาคหกรรมศาสตร์
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาทางด้านวิชาชีพทางคหกรรมศาสตร์ การพัฒนาตนเอง และครอบครัว การประดิษฐ์วัสดุต่างๆ
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถไปปฎิบัติงานในหน่วยงานต่างๆ ได้ เช่น บริษัทผลิตอาหาร ประกอบอาชีพอิสระ หรือรับราชการครู เป็นต้น
5.ประเภทวิชาเกษตรกรรม
.สาขาวิชาเกษตรศาสตร์
ลักษณะวิชาชีพ แบ่งตามสาขางานต่างๆ ได้ดังนี้
-สาขางานพืชศาสตร์ ศึกษาเกี่ยวกับการวางแผน การเตรียมการ ดำเนินการและจัดการผลิต และ/หรือบริการด้านงานเกษตร ในลักษณะครบวงจรเชิงธุรกิจ
-สาขางานพืชศาสตร์ ศึกษาตั้งแต่การวางแผน การเตรียมการเพาะปลูกปฎิบัติ ดูแลรักษาด้านพืชไร่ ไม้ผล ไม้ดอก พืชผัก พืชสวนประดับ พืชสมุนไพร และการปรับปรุงพันธุ์พืช ในลักษณะครบวงจรเพื่อจำหน่ายเชิงธุรกิจ
-สาขางานสัตวศาสตร์ ศึกษาทางด้านการเลี้ยงและการจักการฟาร์มทางด้านสัตว์ใหญ่ สัตว์เล็ก และสัตว์ปีก ในลักษณะครบวงจรเพื่อจำหน่ายเชิงธุรกิจ
-สาขางานช่างเกษตร เลือกใช้ บำรุงรักษา สร้าง และซ่อมแซมเบื่องต้น ในงานเครื่องยนต์เล็ก งานเครื่องทุ่นแรงฟาร์ม งานไฟฟ้าในฟาร์ม งานเชื่อมโลหะ งานช่างสำรวจ งานชลประทานเพื่อการเกษตร วางแผนงานการเกษตรอื่นๆ ในลักษณะงานเชิงธุรกิจ
-สาขางานอุตสาหกรรมการเกษตร วางแผน เตรียมการ ดำเนินการและจัดการ ผลิตภัณฑ์สัตว์ ผลิตภัณฑ์นม ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ ผลิตภัณฑ์เกษตรชนิดอื่นๆ ในลักษณะครบวงจรเพื่อจำหน่ายเชิงธุรกิจ
-สาขางานผลิตสัตว์น้ำ ศึกษาด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ การจัดการและการอนุรักษ์สัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์ประมง
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถประกอบอาชีพได้ดังนี้
รับราชการ ในกระทรวง กรม และหน่วยงานต่างๆ เช่น พนักงานสัตวบาลในสังกัดกรมปศุสัตว์ ซึ่งจะประจำอยู่ ใน สถานวิจัย บำรุงพันธุ์สัตว์ หรือสถานีพืชอาหารสัตว์ในจังหวัดต่างๆ พนักงานหรือเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้แก่ กรมส่งเสริมการเกษตร (เจ้าหน้าที่ส่งเสริมและพนักงานการเกษตรตำบล อำเภอ จังหวัด) กรมวิชาการเกษตร(เจ้าพนักงานเกษตร สถานีทดลองหรือวิจัยพืชสวน พืชไร่) กระทรวงศึกษาธิการ ได้แก่ ผู้ช่วยวิจัยและห้องปฎิบัติการของมหาวิทยาลัย และสถานีวิจัยพืชผลต่างๆ เป็นต้น
พนักงาน,ลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ เช่น เจ้าพนักงาน เจ้าหน้าที่สินเชื่อธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ ธนาคารพานิชย์ กองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง
ประกอบอาชีพอิสระ ประกอบอาชีพอิสระที่เกี่ยวกับการเลี้ยงสัตว์ เช่น เป็นเจ้าของฟาร์มสัตว์ ธุรกิจจำหน่ายวัสดุ-อุปกรณ์อาหารสัตว์ ทำสวนดอกไม้ ไม้ประดับ ไม้ผล สวนยางพารา ทำเรือนเพาะชำ ขายกล้วยไม้ และวัสดุทางการเกษตร ขายวัสดุทางการเกษตร และเคมีภัณฑ์ทางการเกษตร
ลูกจ้างบริษัทและเอกชน พนักงานประจำฟาร์มสัตว์ เช่น ฟาร์มสุกร ฟาร์มไก่,เนื้อ,ไก่ไข่ฟาร์มโค ฯลฯ พนักงานจำหน่ายวัสดุ-อุปกรณ์ ยา-เวชภัณฑ์ ที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงสัตว์ พนักงานขายหรือเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการขายวัสดุเคมีภัณฑ์ทางการเกษตรพนักงานขาย หรือเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการขายวัสดุและเคมีภัณฑ์ และอุปกรณ์ในห้องปฏิบัติการ ลูกจ้างสวนหรือฟาร์มเอกชน เป็นต้น
6.ประเภทวิชาประมง
แบ่งออกเป็นสาขาวิชาต่างๆ ดังนี้
สาขาวิชาเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
ลักษณะวิชาชีพ
ปฏิบัติงานพื้นฐานอาชีพเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำตามหลักและกระบวนการ เลือกใช้และบำรุงรักษาเครื่องมือ อุปกรณ์ และเครื่องจักรในงานอาชีพเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ โดย คำนึงถึงความประหยัดและปลอดภัย เตรียมการ ดำเนินการเฉพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ดูแลรักษาและจัดการผลผลิตในลักษณะครบวงจรเพื่อจำหน่ายเชิงธุรกิจ เลือกใช้ และ/หรือประยุกต์ใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ กระบวนการจัดการธุรกิจ และหลักการบริหารงานคุณภาพ เพื่อพัฒนา และส่งเสริมสนับสนุนงานด้านเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
สาขาวิชาการแปรรูปสัตว์น้ำ
ลักษณะวิชาชีพ
ปฏิบัติงานพื้นฐานอาชีพแปรรูปสัตว์น้ำตามหลักการและกระบวนการ เลือกใช้ และ บำรุงรักษาเครื่องมือ อุปกรณ์และเครื่องจักรในงานอาชีพแปรรูปสัตว์น้ำ โดนคำนึงถึงความประหยัดและปลอดภัย ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และสารสนเทศกระบวนการจัดการธุรกิจ และหลักการบริหารงานคุณภาพเพื่อพัฒนาและสนับสนุนงานอาชีพแปรรูปสัตว์น้ำ
อาชีพหลังจบการศึกษาของที่งสองสาขา สามารถปฏิบติงานด้านธุรกิจอาหารสัตว์ น้ำ ธุรกิจจำหน่ายสัตว์น้ำ ฟาร์มสัตว์น้ำ ทำงานในบริษัทเอกชนต่างๆ และสามารถเลือกศึกษาต่อในระดับ ปวส. ปริญญาตรี ในสาขาทีเกี่ยวข้องได้
7.ประเภทวิชาอุตสาหกรมมท่องเที่ยว
แบ่งออกเป็นสาขาวิชาต่างๆ ดังนี้
สาขาวิชาการโรงแรม
ลักษณะวิชาชีพ บุคลากรมีความรู้ความสามารถที่จะปฏิบัติงานในหน้าที่ระดับผู้ปฏิบติงาน ระดับหัวหน้างาน ระดับผู้ช่วยผู้บริหาร และระดับผู้บริหาร สามารถปฏิบติงานในหน้าที่บุคลากรด้านโรงแรม
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถไปปฏิบัติงานในธุรกิจโรงแรม
สาขาวิชาการท่องเที่ยว
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ลักษณะการปฏิบัติหน้าที่ระดับผู้ปฏิบัติงาน ระดับผู้ช่วยบริหาร และระดับผู้บริหาร
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถไปปฏิบัติงานในหน่วยงานต่างๆได้ดังนี้ บริษัทท่องเที่ยว โรงแรม บริษัทเอกชน ธุรกิจการบิน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
8.ประเภทวิชาอุตสาหกรรมสิ่งทอ
แบ่งเป็นสาขาวิชาต่างๆดังนี้
สาขาวิชาเคมีสิ่งทอ
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาเกี่ยวกับการเตรียมสิ่งทอ การย้อมสี การพิมพ์ผ้า การตกแต่ง กระบวนการผลิตทางเคมี การวิเคราะห์และทอดสอบวัสดุเส้นใย
อาชีพหลังจากจบการศึกษา เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วสามารถปฏิบัติงานในโรงงานอุตสาหกรรมสิ่งทอในด้านการผลิตเส้นใย การผลิตย้อมสี การผลิตผ้าผืน การฟอก การย้อม การควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์ การตรวจสอบคุณภาพวัตถุดิบสิ่งทอ ปฏิบัติงานด้านบริหารโรงงาน การวิเคราะห์และการทดสอบทางเคมี หรือการศึกษาต่อระดับปริญญาตรีในคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล วิชาเอกเคมีสิ่งทอ
สาขาวิชาเทคโนโลยีเครื่องนุ่งห่ม
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาด้านออกแบบ วิเคราะห์แบบ การวางแผนและควบคุมงานเกี่ยวกับการผลิต การวิเคราะห์ การควบคุมการผลิต การประยุกต์ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับผ้านในงานอุตสาหกรรมเสื้อฟ้า การตรวจสอบมาตรฐานเสื้อผ้า และวิธีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถำงานในโรงงานอุตสาหกรรมตัดเย็บเสื้อผ้าสำเร็จรูป และทำงานสายงานที่เกี่ยวข้อง เช่น พัฒนารูแบบผลิตภัณฑ์ พัฒนากระบวนการผลิต หรือศึกษาในระดับปริญญาตรีในคณะวิศวกรรมศาสตร์ วิชาเอกเทคโลยีเสื้อผ้า คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม วิชาเอกผลิตภัณฑ์เสื้อผ้า เป็นต้น
สาขาวิชาเทคโนโลยีสิ่งทอ
ลักษณะวิชาชีพ มีความรู้เกี่ยวกับหลักการ กระบวนการของงานผลิตด้านอุตสาหกรรมสิ่งทอ สามารถปฏิบัติงานทอผ้าพื้นเมือง เตรียมการทอผ้าด้วยเครื่องจักรออกแบบลายทอ ออกแบบโครงสร้างผ้าถัก ถ้กผ้าและปั่นด้าย และสามารถตรวจสอบคุณภาพงานสิ่งทอได้
การประกอบอาชีพ สามารถประกอบอาชีพอิสระด้านสิ่งทอ ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมสิ่งทอ โรงงานเสื้อผ้า บริษัทประกอบด้านผ้า และเครื่องแต่งกาย เป็นต้น
9.ประเภทวิชาสารสนเทศและการสื่อสาร
สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ
ลักษณะวิชาชีพ สามารถใช้คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพื่องงานอาชีพ แสดงความรู้และหลักการ กระบวนการของเป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศ ปฏิบัติงานเขียนโปรแกรมพัฒนาระบบงาน โปรแกรมประยุกต์ขนาดเล็ก โปรแกรมจัดการงานคอมพิวเตอร์ แก้ไขปรับปรุงโปรแกรมให้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้งาน ออกแบบวางแผน จัดการปรับปรุงพัฒนาระบบเครือข่าย พัฒนาโปรแกรมในอุปกรณ์คอมพิวเตอร์แบบพกพา พัฒนาเกม และแอนิเมชั่น เป็นต้น
อาชีพหลังจบการศึกษา สามารถประกอบอาชีพนักออกกแบบและพัฒนาเว็บไซต์นักพัฒนาโปรแกรม นักเทคโนโลยีสารสนเทศ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานและดูแลเครือข่าย หรืออาชีพอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีสารสนเทศไปประยุกต์ใช้งาน และสามารถศึกษาต่อในระดับ ปวส. และ/หรือปริญญาตรีในสาขาที่เกี่ยวข้องได้
สถานศึกษาที่เปิดสอนในสายอาชีวศึกษา
1.สถาบันการอาชีวศึกษา ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา เช่น วิทยาลัยเทคนิค วิทยาลัยอาชีวศึกษา วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี วิยาลับพณิชยการ วิทยาลัยสารพัดช่าง และวิทยาลัยการอาชีพ เป็นต้น
2.โรงเรียนและวิทยาลัยอาชีวศึกษาเอกชน
3.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
4.วิยาลัยช่างศิลป
แหล่งที่มา:หนังสือเส้นทางสู่อนาคตเมื่อจบม.3
การศึกษาต่อสายอาชีวศึกษา
นักเรียนที่จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 แล้วมีทางเลือกในการศึกษาต่อทางด้านสายอาชีพอีกทางหนึ่ง นั่นก็คือศึกษาต่อในโรงเรียนอาชีวศึกษา ซึ่งใช้เวลาในการศึกษาตามหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) 3 ปี โดยสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา มีหน้าที่โดยตรงในการจัดการศึกษาวิชาชีพ เพื่อพัฒนากำลังคนระดับกึ่งฝีมือ ระดับฝีมือและระดับผู้ชำนาญการเฉพาะสาขาวิชาชีพ (ระดับเทคนิค) ให้สอดคล้องกับตลาดแรงงาน สภาพเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม สามารถเป็นผู้ปฏิบัติงานหัวหน้างานหรือเป็นผู้ประกอบการ และการประกอบอาชีพอิสระได้โดยเน้นการแก้ปัญหาสร้างองค์ความรู้ในอาชีพ มีบุคลิกภาพ คุณธรรมและเจตคติที่ดี หลังจากศึกษาจบแล้วสามารถศึกษาต่อในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) อีก 2 ปี หรืออาจจะศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี 4 ปีก็ได้เช่นกัน
หลักสูตรการศึกษาเปิดการศึกษาในประเภทวิชาต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. ประเภทวิชาอุตสาหกรรม
1.1 สาขาวิชาเครื่องกล แบ่งออกเป็น สาขางานยานยนต์ เครื่องกลอุตสาหกรรม เครื่องกลเรือ เครื่องกลเกษตร ตัวถังและสีรถยนต์
1.2 สาขาวิชาเครื่องมือกลและซ่อมบำรุง แบ่งออกเป็น สาขางานเครื่องมือกล ซ่อมบำรุงเครื่องจักรกล เขียนแบบเครื่องกล ชิ้นส่วนเครื่องจักรกลเกษตร แม่พิมพ์พลาสติก แม่พิมพ์โลหะ
1.3 สาขาวิชาโลหะการแบ่งออกเป็น สาขางานเชื่อมโลหะ อุตสาหกรรมต่อตัวถังรถโดยสาร
1.4 สาขาวิชาไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ แบ่งออกเป็น สาขางานไฟฟ้ากำลัง อิเล็กทรอนิกส์ โทรคมนาคม เมคคาทรอนิกส์ เทคนิคคอมพิวเตอร์
1.5 สาขาวิชาการก่อสร้างแบ่งออกเป็น สาขางานก่อสร้าง โยธา สถาปัตยกรรม เครื่องเรือนและการตกแต่งภายใน สำรวจ
1.6 สาขาวิชาการพิมพ์ แบ่งออกเป็น สาขางานการพิมพ์
1.7 สาขาวิชาแว่นตาและเลนส์ แบ่งออกเป็น สาขางานแว่นตาและเลนส์
1.8 สาขาวิชาการต่อเรือ แบ่งออกเป็น สาขางานต่อเรือโลหะ ต่อเรือไม้ ต่อเรือไฟเบอร์กล๊าส นาวาสถาปัตย์ ซ่อมบำรุงเรือ
1.9 สาขาวิชาผลิตภัณฑ์ยาง แบ่งออกเป็น สาขางานผลิตภัณฑ์ยาง
2. ประเภทวิชาพณิชยกรรม/บริหารธุรกิจ
2.1 สาขาวิชาพณิชยการแบ่งออกเป็น สาขางานการบัญชี การขาย การเลขานุการ คอมพิวเตอร์ธุรกิจ ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจสถานพยาบาล การประชาสัมพันธ์ ภาษาต่างประเทศ งานสำนักงานสำหรับผู้พิการทางสายตา
2.1 สาขาวิชาธุรกิจบริการ แบ่งออกเป็น สาขางานการจัดการความปลอดภัย การจัดการความสะอาด
3.ประเภทวิชาศิลปกรรม
3.1 สาขาวิชาศิลปกรรมแบ่งออกเป็น สาขางาน วิจิตรศิลป์ การออกแบบ ศิลปหัตถกรรม อุตสาหกรรมเครื่องหนัง เครื่องเคลือบดินเผา เทคโนโลยีการถ่ายภาพฯ เครื่องประดับอัญมณี ช่างทองหลวง เทคโนโลยีศิลปกรรม การพิมพ์สกรีน คอมพิวเตอร์กราฟิก ศิลปหัตถกรรมโลหะ รูปพรรณและเครื่องประดับ ดนตรีสากล เทคโนโลยีนิเทศศิลป์ ช่างทันตกรรม
4. ประเภทวิชาคหกรรม
4.1 สาขาวิชาผ้าและเครื่องแต่งกายแบ่งออกเป็น สาขางาน ผลิตและตกแต่งสิ่งทอ ออกแบบเสื้อผ้า ตัดเย็บเสื้อผ้า อุตสาหกรรมเสื้อผ้า ธุรกิจเสื้อผ้า
4.2 สาขาวิชาอาหารและโภชนาการแบ่งออกเป็น สาขางาน อาหารและโภชนาการ แปรรูปอาหาร ธุรกิจอาหาร
4.3 สาขาวิชาคหกรรมศาสตร์แบ่งออกเป็น สาขางาน คหกรรมการผลิต คหกรรมการบริการ ธุรกิจคหกรรม คหกรรมเพื่อการโรงแรม
4.4 สาขาวิชาเสริมสวยแบ่งออกเป็น สาขางาน เสริมสวย
5. ประเภทวิชาเกษตรกรรม
5.1 สาขาวิชาเกษตรศาสตร์แบ่งออกเป็น สาขางาน พืชศาสตร์ สัตวศาสตร์ อุตสาหกรรมเกษตร ช่างเกษตร เกษตรทั่วไป การประมง
6. ประเภทวิชาประมง
6.1 สาขาวิชาเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ แบ่งออกเป็น สาขางาน เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
6.2 สาขาวิชาแปรรูปสัตว์น้ำ แบ่งออกเป็น สาขางาน แปรรูปสัตว์น้ำ การผลิตซูริมิและผลิตภัณฑ์
6.3 สาขาวิชาประมงทะเล แบ่งออกเป็น สาขางาน ประมงทะเล
7. ประเภทวิชาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
7.1 สาขาวิชาการโรงแรมและการท่องเที่ยว แบ่งออกเป็น สาขางาน การโรงแรม การท่องเที่ยว
8. ประเภทวิชาอุตสาหกรรมสิ่งทอ
8.1 สาขาวิชาเทคโนโลยีสิ่งทอ แบ่งออกเป็น สาขางาน เทคโนโลยีสิ่งทอ
8.2 สาขาวิชาเคมีสิ่งทอ แบ่งออกเป็น สาขางาน เคมีสิ่งทอ
8.3 สาขาวิชาอุตสาหกรรมเสื้อผ้าสำเร็จรูป แบ่งออกเป็น สาขางาน อุตสาหกรรมเสื้อผ้าสำเร็จรูป
9. ประเภทวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
9.1 สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ แบ่งออกเป็น สาขางาน เทคโนโลยีสารสนเทศ
9.2 สาขาวิชาเทคโนโลยีระบบเสียง แบ่งออกเป็น สาขางาน เทคโนโลยีระบบเสียง
10. หลักสูตรประกาศนียบัตรครูเทคนิคชั้นสูง (ปทส.) 2551
10.1 สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิชาเอก คอมพิวเตอร์ธุรกิจ
10.2 สาขาวิชาเครื่องกล วิชาเอก เทคนิคช่างยนต์
10.3 สาขาวิชาเทคนิคการผลิต วิชาเอก เชื่อมและประสาน
10.4 สาขาวิชาโยธา วิชาเอก เทคนิคโยธา
10.5 สาขาวิชาไฟฟ้า วิชาเอก เทคนิคไฟฟ้ากำลัง
10.6 สาขาวิชาไฟฟ้า วิชาเอก เทคนิคไฟฟ้าสื่อสาร
การศึกษาต่อสายอาชีวศึกษา
นักเรียนที่จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 แล้วมีทางเลือกในการศึกษาต่อ
ทางด้านสายอาชีพอีกทางหนึ่ง นั่นก็คือศึกษาต่อในโรงเรียนอาชีวศึกษา ซึ่งใช้เวลาใน
การศึกษาตามหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) 3 ปี โดยส านักงานคณะกรรมการ
การอาชีวศึกษา มีหน้าที่โดยตรงในการจัดการศึกษาวิชาชีพ เพื่อพัฒนาก าลังคนระดับกึ่ง
ฝีมือ ระดับฝีมือและระดับผู้ช านาญการเฉพาะสาขาวิชาชีพ (ระดับเทคนิค) ให้สอดคล้องกับ
ตลาดแรงงาน สภาพเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม สามารถเป็น
ผู้ปฏิบัติงานหัวหน้างานหรือเป็นผู้ประกอบการ และการประกอบอาชีพอิสระได้โดยเน้นการ
แก้ปัญหาสร้างองค์ความรู้ในอาชีพ มีบุคลิกภาพ คุณธรรมและเจตคติที่ดี หลังจากศึกษาจบ
แล้วสามารถศึกษาต่อในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) อีก 2 ปี หรืออาจจะ
ศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี 4 ปีก็ได้เช่นกัน
หลักสูตรการศึกษา
เปิดการศึกษาในประเภทวิชาต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. ประเภทวิชาอุตสาหกรรม
1.1 สาขาวิชาเครื่องกล แบ่งออกเป็น สาขางานยานยนต์ เครื่องกลอุตสาหกรรม
เครื่องกลเรือ เครื่องกลเกษตร ตัวถังและสีรถยนต์
1.2 สาขาวิชาเครื่องมือกลและซ่อมบ ารุง แบ่งออกเป็น สาขางานเครื่องมือกล ซ่อม
บ ารุงเครื่องจักรกล เขียนแบบเครื่องกล ชิ้นส่วนเครื่องจักรกลเกษตร แม่พิมพ์พลาสติก
แม่พิมพ์โลหะ
1.3 สาขาวิชาโลหะการแบ่งออกเป็น สาขางานเชื่อมโลหะ อุตสาหกรรมต่อตัวถังรถ
โดยสาร
1.4 สาขาวิชาไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ แบ่งออกเป็น สาขางานไฟฟ้าก าลัง
อิเล็กทรอนิกส์ โทรคมนาคม เมคคาทรอนิกส์ เทคนิคคอมพิวเตอร์
1.5 สาขาวิชาการก่อสร้างแบ่งออกเป็น สาขางานก่อสร้าง โยธา สถาปัตยกรรม
เครื่องเรือนและการตกแต่งภายใน ส ารวจ
1.6 สาขาวิชาการพิมพ์ แบ่งออกเป็น สาขางานการพิมพ์
1.7 สาขาวิชาแว่นตาและเลนส์ แบ่งออกเป็น สาขางานแว่นตาและเลนส์
1.8 สาขาวิชาการต่อเรือ แบ่งออกเป็น สาขางานต่อเรือโลหะ ต่อเรือไม้ ต่อเรือไฟ
เบอร์กล๊าส นาวาสถาปัตย์ ซ่อมบ ารุงเรือ
1.9 สาขาวิชาผลิตภัณฑ์ยาง แบ่งออกเป็น สาขางานผลิตภัณฑ์ยาง
เ ส้ น ท า ง ก า ร ศึ ก ษ า ต่ อ ใ น อ น า ค ต
2. ประเภทวิชาพณิชยกรรม/บริหารธุรกิจ
2.1 สาขาวิชาพณิชยการแบ่งออกเป็น สาขางานการบัญชี การขาย การเลขานุการ
คอมพิวเตอร์ธุรกิจ ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจสถานพยาบาล การประชาสัมพันธ์
ภาษาต่างประเทศ งานส านักงานส าหรับผู้พิการทางสายตา
2.1 สาขาวิชาธุรกิจบริการ แบ่งออกเป็น สาขางานการจัดการความปลอดภัย การ
จัดการความสะอาด
3.ประเภทวิชาศิลปกรรม
3.1 สาขาวิชาศิลปกรรมแบ่งออกเป็น สาขางาน วิจิตรศิลป์ การออกแบบ
ศิลปหัตถกรรม อุตสาหกรรมเครื่องหนัง เครื่องเคลือบดินเผา เทคโนโลยีการถ่ายภาพฯ
เครื่องประดับอัญมณี ช่างทองหลวง เทคโนโลยีศิลปกรรม การพิมพ์สกรีน คอมพิวเตอร์
กราฟิก ศิลปหัตถกรรมโลหะ รูปพรรณและเครื่องประดับ ดนตรีสากล เทคโนโลยีนิเทศ
ศิลป์ ช่างทันตกรรม
4. ประเภทวิชาคหกรรม
4.1 สาขาวิชาผ้าและเครื่องแต่งกายแบ่งออกเป็น สาขางาน ผลิตและตกแต่งสิ่งทอ
ออกแบบเสื้อผ้า ตัดเย็บเสื้อผ้า อุตสาหกรรมเสื้อผ้า ธุรกิจเสื้อผ้า
4.2 สาขาวิชาอาหารและโภชนาการแบ่งออกเป็น สาขางาน อาหารและโภชนาการ
แปรรูปอาหาร ธุรกิจอาหาร
4.3 สาขาวิชาคหกรรมศาสตร์แบ่งออกเป็น สาขางาน คหกรรมการผลิต คหกรรม
การบริการ ธุรกิจคหกรรม คหกรรมเพื่อการโรงแรม
4.4 สาขาวิชาเสริมสวยแบ่งออกเป็น สาขางาน เสริมสวย
5. ประเภทวิชาเกษตรกรรม
5.1 สาขาวิชาเกษตรศาสตร์แบ่งออกเป็น สาขางาน พืชศาสตร์ สัตวศาสตร์
อุตสาหกรรมเกษตร ช่างเกษตร เกษตรทั่วไป การประมง
6. ประเภทวิชาประมง
6.1 สาขาวิชาเพาะเลี้ยงสัตว์น้ า แบ่งออกเป็น สาขางาน เพาะเลี้ยงสัตว์น้ า
6.2 สาขาวิชาแปรรูปสัตว์น้ า แบ่งออกเป็น สาขางาน แปรรูปสัตว์น้ า การผลิตซูริมิ
และผลิตภัณฑ์
6.3 สาขาวิชาประมงทะเล แบ่งออกเป็น สาขางาน ประมงทะเล
7. ประเภทวิชาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
7.1 สาขาวิชาการโรงแรมและการท่องเที่ยว แบ่งออกเป็น สาขางาน การโรงแรม
การท่องเที่ยว
เส้นทางการศึกษาต่อในอนาคต
8. ประเภทวิชาอุตสาหกรรมสิ่งทอ
8.1 สาขาวิชาเทคโนโลยีสิ่งทอ แบ่งออกเป็น สาขางาน เทคโนโลยีสิ่งทอ
8.2 สาขาวิชาเคมีสิ่งทอ แบ่งออกเป็น สาขางาน เคมีสิ่งทอ
8.3 สาขาวิชาอุตสาหกรรมเสื้อผ้าส าเร็จรูป แบ่งออกเป็น สาขางาน อุตสาหกรรม
เสื้อผ้าส าเร็จรูป
9. ประเภทวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
9.1 สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ แบ่งออกเป็น สาขางาน เทคโนโลยีสารสนเทศ
9.2 สาขาวิชาเทคโนโลยีระบบเสียง แบ่งออกเป็น สาขางาน เทคโนโลยีระบบเสียง
10. หลักสูตรประกาศนียบัตรครูเทคนิคชั้นสูง (ปทส.) 2551
10.1 สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิชาเอก คอมพิวเตอร์ธุรกิจ
10.2 สาขาวิชาเครื่องกล วิชาเอก เทคนิคช่างยนต์
10.3 สาขาวิชาเทคนิคการผลิต วิชาเอก เชื่อมและประสาน
10.4 สาขาวิชาโยธา วิชาเอก เทคนิคโยธา
10.5 สาขาวิชาไฟฟ้า วิชาเอก เทคนิคไฟฟ้าก าลัง
10.6 สาขาวิชาไฟฟ้า วิชาเอก เทคนิคไฟฟ้าสื่อสาร
การศึกษาต่อสายอาชีวศึกษา
เป็นทางเลือกหนึ่ง สำหรับนักเรียนที่ประสงค์จะศึกษาต่อในด้านวิชชาชีพโดยตรง ใช้เวลาศึกษาตามหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ(ปวช.) 3 ปี เพื่อออกมาประกอบอาชีพเป็นช่างฝีมือระดับกลาง เหมาะสำหรับนักเรียที่ชอบเรียนด้านวิชาชีพหรือต้องการประกอบอาชีพได้เร็ว และเมือ่อจบการศึกษาในระดับ ปวช. แล้วก็สามารถศึกษาต่อในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพขั้นสูง(ปวส.) 2 ปี หรือระดับปริญญาตรี 4 ปีก็ได้หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ(ปวช.)
หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2556 เป็นหลักสูตรที่พัฒนาขึ้นได้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการศึกษา พ.ศ.2542 พระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา พ.ศ.2551 และความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เพื่อผลิตกำลังคนระดับฝีมือที่สมรรถนะวิชาชีพ มีคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพ สามารถนำไปใช้ในการประกอบอาชีพได้ตรงความต้องการของตลาดแรงงานในลักษณะผู้ปฏิบัติ หรือประกอบอาชีพโดบเปิดโอกาสให้ผู้เรียนเลือกระบบและวิธีการเรียนได้อย่างเหมาะสมตามศักยภาพ ตามความสนใจและโอกาสของตน ส่งเสริมให้มีการประสานความร่วมมือ เพื่อจัดการศึกษาและพัฒนาหลักสูตรร่วมกันระหว่างสถาบัน สถานศึกษา หน่วยงานสถานประกอบการ และองค์กรต่างๆทั้งในระดับชุมชน ระดับท้องถิ่น และระดับชาติ
ประเภทวิชาที่เปิดสอน
หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2556 ได้แบ่งประเภทวิชาที่เปิดสอนไว้ 9 ประเภทวิชา คือ
1.ประเภทวิชาอุตสาหกรรม
แบ่งออกเป็นสาขาวิชาต่างๆ ดังนี้ สาขาวิชาช่างยนต์ ช่างกลโรงงาน ช่างเชื่อมโลหะ ช่างไฟฟ้ากำลัง ช่างอิเล็กทรอนิกส์ ช่างก่อสร้าง ช่างเครื่องเรือนและตกแต่งภายในสถาปัตยกรรม สำรวจ ช่างเขียนแบบเครื่องกล ช่างซ่อมบำรุง ช่างพิมพ์ เทคนิคแว่นตาและเลนส์ ช่างต่อเรือ โทรคมนาคม โยธา อุตสาหกรรมยาง และสาขาวิชาเมคคาทรอนิกส์ โดยมีตัวอย่างการศึกษาในแต่ละสาขา เช่น
สาขาวิชาช่างกลโรงงาน
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาเกี่ยวกับงานโลหะเบื้องต้น การใช้เครื่องกลทุกชนิด เช่น เครื่องกลึง เครื่องใส เครื่องเจียระไน งานเขียนแบบเครื่องกล และงานซ่อมเครื่องมือกลการเชื่อมโลหะและงานหล่อโลหะ เป็นต้น
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถไปปฏิบัติงานในโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ รับราชการเป็นช่างเทคนนิค หรือสามารถที่จะประกอบอาชีพอิสระ
สาขาวิชาช่างเชื่อมโลหะ
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาเกี่ยวกับการหล่อโลหะทุกชนิด โลหะวิทยา การเชื่อมโลหะทุกชนิด (ไฟฟ้า ก๊าซ และการเชื่อมพลาสติก ฯลฯ) การอบชุบโลหะ การเคลือบโลหะ การเคลือบผิวโลหะ การกลึง ไส ตัดโลหะ โดยใช้เครื่องมือกล งานเขียนแบบและประเมินราคางานโลหะ การออแบบและจัดกระสวนงานหล่อ การควบคุมคุณภาพ และการจัดการอุตสาหกรรม
อาชีพหลังจากจบการศึกษา ผู้ที่สำเร็จกรศึกษาสาขาวิช่นี้ สามารถไปปฏิบัติงานในโรงงานอุตสาหกรรมประเภทโรงหล่อ ช่างโครงสร้างเหล็ก ช่างเทคนิคทางด้านงานเขียนแบบอุตสาหากรรม งานควบคุมคุณภาพโรงงานอุตสาหากรรม รับราชการครู การประกอบอาชีพอิสระ เป็นต้น
สาขาวิชาช่างยนต์
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาเกียวกับการตรวจซ่อม บำรุงรักษ และแก้ไขปรับปรุงสภาพเครื่องยนต์ ระยนต์ ที่งแก๊สโซลีนและดีเซล ระบบส่งกำลัง ระบบการรองรับน้ำหนัก ระบบห้ามล้อ ระบบไฟฟ้ารถยนต์ รวมทั้งงานตัวถังและการพ่นสีรถยนต์ นอกจากนี้ยังศึกษาเกี่ยวกับงานที่ต้องใช้เครื่องมือ อุปกรณ์พิเศษบางอย่าง เช่น การใช้สโคปเพื่อตรวงวัตถุระเบิด เครื่องวิเคราะห์ไอเสียรถยนต์ เครื่องตรวงจุดจานจ่าย การตั้งมุมล้อ-ศูนย์ล้อถ่วงล้อฯลฯ
อาชีพหลังจากจบการศึกษา เช่น โรงงานอุตสาหกรมมต่างๆ รัฐวิสาหกิจ พนักงานบริษัท ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับยานยนต์ หรือประกอบอาชีพอิสระ
สาขาวิชาช่างไฟฟ้ากำลัง
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาเกี่ยวกีบงานไฟฟ้าทั่วไป เช่น งานติดตั้งไฟฟ้า เครื่องกลไฟฟ่า ระบบควบคุมไฟฟ้าโรงงาน ระบบไฟฟ้าและระบบแสงสว่าง รวมทั้งศึกษาเกี่ยวกับเครื่องไฟฟ้า ระบบเครื่องทำความเย็น ระบบควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าด้วยอิเล็กทอนิกส์
อาชีพหลังจากจบการศึกษา เช่น รับราชการ รัฐวิสาหกิจ (การไฟฟ้าฝ่ายผลิต,การไฟฟ้านครหลวง,การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค,โรงพยาบาล,การประปา)โรงงานอุตสาหกรรมทั่วไป บริษัทประกอบการเกี่ยวกับอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด หรือประกอบอาชีพอิสระ
สาขาวิชาช่างอิเล็กทรอนิกส์
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาทั้งทางทฤษฏีและปฏิบัติในวิชาเครื่องรับวิทยุ เครื่องใส่วัตถุ เครื่องเสียง เครื่องรับโทรทัศน์ ระบบโทรคมนาคม ความรู้เบื้องต้นทางคอมพิวเตอร์และวงจรอิเล็กทรอนิกส์อุตสาหกรรมใหม่ๆตลอดจนการใช้เครื่องทดสอบอิเล็กทรอนิกส์ในการตรวงซ่อมผู้เรียนจบสาขานี้จะมีความรู้ในทางทฤษฏีและปฏิบัติ รวมที่งมีความชำนาญพอที่จะประกอบอาชีพได้ หรือใช้เป็นแนวทางใยการศึกษาค้นคว้าวิทยาการด้านอิเล็กทรอนิกส์ใหม่ๆต่อไป
อาชีพหลังจากจบการศึกษา เช่น ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมผลิตอุปกรณ์ด้านอิล็กทรอนิกส์ บริษัทประกอบการเกี่ยวกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องมือสื่อสาร เครื่องใช้ไฟฟ้า รัฐวิสาหกิจ(การไฟฟ้าผลิตแห่งประเทศไทย) ประกอบอาชีพอิสระ
สาขาวิชาช่างก่อสร้าง
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาเกี่ยวกับการคำนวณออกแบบโครงสร้าง การเขียนแบบ การประมาณราคาก่อสร้าง การทดสอบวัสดุก่อสร้าง การสำรวจภูมิประเทศเพื่องวางเงินก่อสร้าง และควบคุมการก่อสร้าง
อาชีพหลังจากจบการศึกษา เช่น ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม (เครือซิเมนต์ไทย) บริษัทประกอบการด้านก่อสร้างทั่วไป ประกอบอาชีพอิสระเกี่ยวกับการับเหมาก่อสร้าง
สาขาวิชาอุตสาหกรรมยาง
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาด้านเทคโนโลยีการยาง เพื่อปฏิบัติงานเป็นเจ้าหน้าที่ควบคุมการผลิตในโรงงานอุตสาหกรมยางดิบ ยางสำเร็จรูป โรงงานอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยางและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง หรืออุตสาหกรรมการทำสวนยางขนาดใหญ่
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถประกอบอาชีพ ดังนี้
งานในหน่วยเอกชน ปฏิบัติงานในโรงงานผลิตยางธรรมชาติ โรงงานยางข้น ยางเครพ ยางแม่ง และโรงงายผลิตภัณฑ์ยาง ในหน้าที่เกี่ยกับกระบวนการผลิตในโรงงาน การควบคุมคุณภาพ และการตรวจสอบคุณภาพ
งานราชการ สามารถเข้าทำงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ประจำห้องปฏบัติการผู้ช่วยนักวิจัย เจ้าหนาที่ส่งเสริมในสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง สถาบันวิจัยยาง และหน่วยราชการที่ปฏิบัติงานทางด้านยางพารา
สาขาวิชาสำรวจ
ลักษณะวิชาชีพ การศึกษาเน้นด้านการปฏิบัติการเชิงวิชาการเกี่ยวกับการสำรวจทำแผนที่ราบ แผนที่ภูมิประเทศ แผนที่จากภาพถ่ายทางอากาศ การกำหนดตำแหน่งในงานสำรวจ สถาปัตยกรรมและวิศวกรรมต่างๆ การใช้เครื่องคำนวณและประมวลผลการสำรวจและฝึกทำษะในการใช้เครื่องมือสำรวจต่างๆ
อาชีพหลังจากจบการศึกษา เช่น บริษัทประกอบการรับเหมาก่อสร้าง (ผู้ช่วยวิศวกร เจ้าหน้าที่แผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ ช่างสำรวจ) รับราชการ (กรมที่ดิน กทม. กรมโยธา เทศบาล) เป็นต้น
สาขาวิชาโยธา
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาด้านวิศวกรรมที่เกี่ยวข้องกับการจัดการ การควบคุมงาน การตรวจสอบ การติดต่อประสานงาน และศึกษาทางด้านทฤษฏีและปฏิบัติตามหลักปฐพีกลศาสตร์เกี่ยวกับงานการทาง งานสำรวจ งานโครงสร้าง ทรัพยากรระบบสุขาภิบาล
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถประกอบอาชีพต่างๆ เช่น รับราชการ ทำงานในบริษัทรับเหมาก่อสร้าง และประกอบอาชีพอิสระ
สาขาวิชาข่างเครื่องเรือนตกแต่งภายใน
ลักษณะวิชาชีพ การศึกษาเน้นการออกแบบการผลิตเครื่องเรือน เขียนแบบและออกแบบเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ ธุรกิจพาณิชย์ศึกษา การวางแผน การกำหนดขั้นตอน การผลิต ประมาณราคาการใช้และบำรุงเครื่องจักรกล
อาชีพหลังจากจบการศึกษา เช่น ทำงายในบริษัทประกอบการด้านผลิตเครื่องเรือนเฟอร์นิเจอร์ ออกแบบตกแต่งภายใน รับเหมาก่อสร้าง ประกอบอาชีพอิระ หรือรับราชการ
สาขาวิชาสถาปัตกรรม
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาเกี่ยวกับทักษะการเขียนแบบสถาปัตยกรรม การเขียนแบบก่อสร้าง การนำทคโนโลยีไปใช้ในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับงานช่างสถาปัตยกรรมได้
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถประกอบอาชีพช่างเขียนแบบได้ทั้งในหน่วยงานของรัฐ และเอกชน ภายใต้การควบคุมของสถาปนิก หรือวิศวกร และสามารถศึกษาต่อในระดับ ปวส. และ/หรือระดับปริญญาตรีได้
2.ประเภทวิชาพาณิชยกรรม
แบ่งออกเป็นวิชาต่างๆ ดังนี้ สาขาวิชาการบัญชี การตลาด การเลขานุกรรม
คอมพิวเตอร์ธุรกิจธุรกิจสถานพยาบาล การประชาสัมพันธ์ ธุรกิจค้าปลีก และเลขาวิชาภาษาต่างประเทศ โดยมีตัวอย่างในการศึกษาในแต่ละสาขา เช่น
.สาขาวิชาการบัญชี
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาเกี่ยวกับการทำบัญชี และงบการเงินของธุรกิจทุกรูปแบบรวมถึงการจัดทำบัญชีของหน่วยงานภาครัฐบาลและการตรวจสอบบัญชีของธุรกิจเอกชน
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถไปปฎิบัติหน้าที่เป็นพนักงานบัญชีในธุรกิจทุกแขนง ผู้ช่วยผู้ตรวจสอบบัญชี พนักงานบัญชีในหน่วยงานของรัฐ
.สาขาวิชาการเลขานุการ
ลักษณะวิชาชีพ การศึกษาเน้นด้านทักษะการปฎิบัติงาน สามารถวิเคราะห์ตัดสินใจ และแก้ปัญหาอย่างมีหลักการ
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถปฏิบัติงานในหน่วยงานบริษัทเอกชนหรือรับราชการ
.สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาเกี่ยวกับหลักการของคอมพิวเตอร์ การประมวลผล การควบคุมระบบข้อมูลเพื่อการบริหาร ภาษาคอมพิวเตอร์ โปรแกรมสำเร็จรูปต่างๆ
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถปฎิบัติงานในหน่วยงานต่างๆ ได้ดังนี้ บริษัทผลิตซอฟต์แวร์ งานด้านคอมพิวเตอร์ บริษัททั่วไป รับราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือประกอบอาชีพอิสระ
. สาขาวิชาการตลาด
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาเกี่ยวกับงานบริหารธุรกิจ เน้นงานการตลาด งานการจัดซื้อและบริหารคลังพัสดุ งานวิจัยและข้อมูลการตลาด
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถไปปฎิบัติงานเป็นเจ้าหน้าที่การตลาด พนักงานจัดหาสินค้า พนักงานคลังสินค้า พนักงานวิจัย หรือผู้ประกอบธุรกิจ
3. ประเภทวิชาศิลปกรรม
แบ่งออกเป็นสาขาวิชาต่างๆ ดังนี้ สาขาวิจิตรศิลป์ การออกแบบ ศิลปหัตถกรรม ศิลปกรรมเซรามิก ศิลปหัตถกรรมรูปพรรณและเครื่องประดับ การถ่ายภาพและวีดีทัศน์เทคโนโลยีศิลปกรรม คอมพิวเตอร์กราฟิก อุตสาหกรรมเครื่องหนัง เครื่องประดับอัญมณี ช่างทองหลวง และสาขาวิชาศิลปะการดนตรีโดยมีตัวอย่างการศึกษาในแต่ล่ะสาขา เช่น
. สาขาวิชาการถ่ายภาพและวีดีทัศน์
ลักษณะวิชาชีพ การศึกษาเน้นเชิงวิชาการด้านการถ่ายภาพ การถ่ายภาพยนตร์และเทคโนโลยีและโทรทัศน์ การบันทึกเหตุการณ์ งานข่าวสาร และงานการศึกษา เน้นการปฎิบัติงานเฉพาะสาขาด้านการถ่ายภาพให้มีความรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถปฎิบัติงานในหน่วยงานต่างๆได้ดังนี้ สำนักพิมพ์ ภาพยนตร์ จำหน่ายอุปกรณ์เกี่ยวกับการถ่ายภาพและภาพยนตร์ ประกอบอาชีพอิสระ หรือรับราชการ เป็นต้น สาขาวิชาวิจิตรศิลป์
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาและปฎิบัติการเขียนภาพด้วยสีน้ำ สีโปสเตอร์ สีน้ำมัน ภาพหุ่นนิ่ง ประเภทดอกไม้ ผลไม้วัสดุด่างผิว เช่น โลหะ แก้ว ภาพทิวทัศน์ประเภทต้นไม้ สิ่งก่อสร้าง ภาพสัตว์และภาพคนเหมือน โดยเน้นเหมือนจริงตามธรรมชาติ และคุณค่าในงานศิลปะค้นคว้าศึกษารูปแบบงานจิตกรรม ศึกษาและปฎิบัติงานประติมากรรมทั้งแบบนูนต่ำและนูนสูง ลอยตัว จากแบบคน สัตว์จิงเน้นถึงฝีมือการแสดงออกที่เหมือนจริงตามธรรมชาติและคุณค่าในทางศิลปะ การจัดองค์ประกอบศิลปะในงานประติมากรรมค้นคว้าศึกษารูปแบบและเนื้อหา เพื่อถ่ายทอดออกมาเป็นผลงานประติมากรรม พร้อมทั้งปฎิบัติงานประติมากรรมด้วยวิธีการแกะสลักปั่นหล่อ โดยเลือกใช้เทคนิคและวิธีสอดคล้องกับหลักการ การศึกษาและปฎิบัติงานศิลปะภาพพิมพ์ด้วยกระบวนการ ภาพพิมพ์เบื่องต่ำ ภาพพิมพ์นูน เช่น ภาพพิมพ์วัสดุ กรรมวิธีการพิมพ์ตะแกรงไหม กรรมวิธีแม่พิมพ์ร่องลึก โดยเน้นหนักในการค้นคว้า การเชื่อมโยงความคิด ทดลองรูปแบบและวิธีการทำภาพขาว-ดำ และวิธีการพิมพ์สอดสีให้ป็นผลงานที่มีความคิดสร้างสรรค์มีการแสดงออกอย่างประณีตและมีคุณค่าในทางศิลปะ
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถเข้ารับราชการในหน่วยงานของกระทรวง กรมและองค์กรต่างๆ หรือทำงานในหน่วยงานของรัฐวิสาหกิจ หน่วยงานเอกชน บริษัท ธนาคาร โรงแรม ในตำแหน่งช่างศิลป์ นักออกแบบ หรือประกอบอาชีพอิสระเป็นจิตรกร ประติมากร เป็นต้น สามารถศึกษาต่อในระดับ ปวส,ปริญญาตรีในสาขาที่เกี่ยวข้องได้ สาขาวิชาคอมพิวเตอร์กราฟิก
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาและปฎิบัติเกี่ยวกับการออกแบบงานกราฟิก เพื่อเน้นประโยชน์ในด้านการสื่อสารและการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ทั้งในรูปแบบสื่อสิ่งพิมพ์ เช่น การออกแบบโลโก้ การออกแบบโปสเตอร์ การออกแบบกราฟิก เป็นต้น
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถประกอบอาชีพเป็นนักออกแบบกราฟิก ออกแบบรูปภาพ ตัวอักษร หรือภาพเคลื่อนไหวเพื่อใช้ในการออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์เป็นต้น สามารถศึกษาต่อในระดับ ปวส,ปริญญาตรีในสาขาที่เกี่ยวข้องได้
4. ประเภทวิชาคหกรรม
แบ่งออกเป็นสาขาวิชาต่างๆ ดังนี้ สาขาวิชาแฟชั่นและสิ่งทอ อาหารและโภชนาการ คหกรรมศาสตร์ และสาขาวิชาเสริมสวย โดยมีตัวอย่างการศึกษาในแต่ล่ะสาขา เช่น
. สาขาวิชาอาหารและโภชนาการ
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาเกี่ยวกับเทคนิคการทำอาหารแบบต่างๆวิธีการดำเนินการด้านอาหาร ศึกษาหลักโภชนาการ
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถไปปฎิบัติงานในหน่วยงานต่างๆ ได้ เช่น โรงแรม นักโภชนาการ นักกำหนดอาหาร พนักงานคหกิจเกษตร รับราชการ ( ครู นักโภชนาการประจำโรงพยาบาล) ประกอบอาชีพอิสระ โรงงานอุตสาหกรรมผลิตอาหาร (ปฎิบัติงานอาหารและโภชนาการในโรงงาน หรือพนักงานควบคุมคุณภาพ)
.สาขาวิชาคหกรรมศาสตร์
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาทางด้านวิชาชีพทางคหกรรมศาสตร์ การพัฒนาตนเอง และครอบครัว การประดิษฐ์วัสดุต่างๆ
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถไปปฎิบัติงานในหน่วยงานต่างๆ ได้ เช่น บริษัทผลิตอาหาร ประกอบอาชีพอิสระ หรือรับราชการครู เป็นต้น
5.ประเภทวิชาเกษตรกรรม
.สาขาวิชาเกษตรศาสตร์
ลักษณะวิชาชีพ แบ่งตามสาขางานต่างๆ ได้ดังนี้
-สาขางานพืชศาสตร์ ศึกษาเกี่ยวกับการวางแผน การเตรียมการ ดำเนินการและจัดการผลิต และ/หรือบริการด้านงานเกษตร ในลักษณะครบวงจรเชิงธุรกิจ
-สาขางานพืชศาสตร์ ศึกษาตั้งแต่การวางแผน การเตรียมการเพาะปลูกปฎิบัติ ดูแลรักษาด้านพืชไร่ ไม้ผล ไม้ดอก พืชผัก พืชสวนประดับ พืชสมุนไพร และการปรับปรุงพันธุ์พืช ในลักษณะครบวงจรเพื่อจำหน่ายเชิงธุรกิจ
-สาขางานสัตวศาสตร์ ศึกษาทางด้านการเลี้ยงและการจักการฟาร์มทางด้านสัตว์ใหญ่ สัตว์เล็ก และสัตว์ปีก ในลักษณะครบวงจรเพื่อจำหน่ายเชิงธุรกิจ
-สาขางานช่างเกษตร เลือกใช้ บำรุงรักษา สร้าง และซ่อมแซมเบื่องต้น ในงานเครื่องยนต์เล็ก งานเครื่องทุ่นแรงฟาร์ม งานไฟฟ้าในฟาร์ม งานเชื่อมโลหะ งานช่างสำรวจ งานชลประทานเพื่อการเกษตร วางแผนงานการเกษตรอื่นๆ ในลักษณะงานเชิงธุรกิจ
-สาขางานอุตสาหกรรมการเกษตร วางแผน เตรียมการ ดำเนินการและจัดการ ผลิตภัณฑ์สัตว์ ผลิตภัณฑ์นม ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ ผลิตภัณฑ์เกษตรชนิดอื่นๆ ในลักษณะครบวงจรเพื่อจำหน่ายเชิงธุรกิจ
-สาขางานผลิตสัตว์น้ำ ศึกษาด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ การจัดการและการอนุรักษ์สัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์ประมง
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถประกอบอาชีพได้ดังนี้
รับราชการ ในกระทรวง กรม และหน่วยงานต่างๆ เช่น พนักงานสัตวบาลในสังกัดกรมปศุสัตว์ ซึ่งจะประจำอยู่ ใน สถานวิจัย บำรุงพันธุ์สัตว์ หรือสถานีพืชอาหารสัตว์ในจังหวัดต่างๆ พนักงานหรือเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้แก่ กรมส่งเสริมการเกษตร (เจ้าหน้าที่ส่งเสริมและพนักงานการเกษตรตำบล อำเภอ จังหวัด) กรมวิชาการเกษตร(เจ้าพนักงานเกษตร สถานีทดลองหรือวิจัยพืชสวน พืชไร่) กระทรวงศึกษาธิการ ได้แก่ ผู้ช่วยวิจัยและห้องปฎิบัติการของมหาวิทยาลัย และสถานีวิจัยพืชผลต่างๆ เป็นต้น
พนักงาน,ลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ เช่น เจ้าพนักงาน เจ้าหน้าที่สินเชื่อธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ ธนาคารพานิชย์ กองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง
ประกอบอาชีพอิสระ ประกอบอาชีพอิสระที่เกี่ยวกับการเลี้ยงสัตว์ เช่น เป็นเจ้าของฟาร์มสัตว์ ธุรกิจจำหน่ายวัสดุ-อุปกรณ์อาหารสัตว์ ทำสวนดอกไม้ ไม้ประดับ ไม้ผล สวนยางพารา ทำเรือนเพาะชำ ขายกล้วยไม้ และวัสดุทางการเกษตร ขายวัสดุทางการเกษตร และเคมีภัณฑ์ทางการเกษตร
ลูกจ้างบริษัทและเอกชน พนักงานประจำฟาร์มสัตว์ เช่น ฟาร์มสุกร ฟาร์มไก่,เนื้อ,ไก่ไข่ฟาร์มโค ฯลฯ พนักงานจำหน่ายวัสดุ-อุปกรณ์ ยา-เวชภัณฑ์ ที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงสัตว์ พนักงานขายหรือเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการขายวัสดุเคมีภัณฑ์ทางการเกษตรพนักงานขาย หรือเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการขายวัสดุและเคมีภัณฑ์ และอุปกรณ์ในห้องปฏิบัติการ ลูกจ้างสวนหรือฟาร์มเอกชน เป็นต้น
6.ประเภทวิชาประมง
แบ่งออกเป็นสาขาวิชาต่างๆ ดังนี้
สาขาวิชาเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
ลักษณะวิชาชีพ
ปฏิบัติงานพื้นฐานอาชีพเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำตามหลักและกระบวนการ เลือกใช้และบำรุงรักษาเครื่องมือ อุปกรณ์ และเครื่องจักรในงานอาชีพเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ โดย คำนึงถึงความประหยัดและปลอดภัย เตรียมการ ดำเนินการเฉพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ดูแลรักษาและจัดการผลผลิตในลักษณะครบวงจรเพื่อจำหน่ายเชิงธุรกิจ เลือกใช้ และ/หรือประยุกต์ใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ กระบวนการจัดการธุรกิจ และหลักการบริหารงานคุณภาพ เพื่อพัฒนา และส่งเสริมสนับสนุนงานด้านเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
สาขาวิชาการแปรรูปสัตว์น้ำ
ลักษณะวิชาชีพ
ปฏิบัติงานพื้นฐานอาชีพแปรรูปสัตว์น้ำตามหลักการและกระบวนการ เลือกใช้ และ บำรุงรักษาเครื่องมือ อุปกรณ์และเครื่องจักรในงานอาชีพแปรรูปสัตว์น้ำ โดนคำนึงถึงความประหยัดและปลอดภัย ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และสารสนเทศกระบวนการจัดการธุรกิจ และหลักการบริหารงานคุณภาพเพื่อพัฒนาและสนับสนุนงานอาชีพแปรรูปสัตว์น้ำ
อาชีพหลังจบการศึกษาของที่งสองสาขา สามารถปฏิบติงานด้านธุรกิจอาหารสัตว์ น้ำ ธุรกิจจำหน่ายสัตว์น้ำ ฟาร์มสัตว์น้ำ ทำงานในบริษัทเอกชนต่างๆ และสามารถเลือกศึกษาต่อในระดับ ปวส. ปริญญาตรี ในสาขาทีเกี่ยวข้องได้
7.ประเภทวิชาอุตสาหกรมมท่องเที่ยว
แบ่งออกเป็นสาขาวิชาต่างๆ ดังนี้
สาขาวิชาการโรงแรม
ลักษณะวิชาชีพ บุคลากรมีความรู้ความสามารถที่จะปฏิบัติงานในหน้าที่ระดับผู้ปฏิบติงาน ระดับหัวหน้างาน ระดับผู้ช่วยผู้บริหาร และระดับผู้บริหาร สามารถปฏิบติงานในหน้าที่บุคลากรด้านโรงแรม
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถไปปฏิบัติงานในธุรกิจโรงแรม
สาขาวิชาการท่องเที่ยว
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ลักษณะการปฏิบัติหน้าที่ระดับผู้ปฏิบัติงาน ระดับผู้ช่วยบริหาร และระดับผู้บริหาร
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถไปปฏิบัติงานในหน่วยงานต่างๆได้ดังนี้ บริษัทท่องเที่ยว โรงแรม บริษัทเอกชน ธุรกิจการบิน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
8.ประเภทวิชาอุตสาหกรรมสิ่งทอ
แบ่งเป็นสาขาวิชาต่างๆดังนี้
สาขาวิชาเคมีสิ่งทอ
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาเกี่ยวกับการเตรียมสิ่งทอ การย้อมสี การพิมพ์ผ้า การตกแต่ง กระบวนการผลิตทางเคมี การวิเคราะห์และทอดสอบวัสดุเส้นใย
อาชีพหลังจากจบการศึกษา เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วสามารถปฏิบัติงานในโรงงานอุตสาหกรรมสิ่งทอในด้านการผลิตเส้นใย การผลิตย้อมสี การผลิตผ้าผืน การฟอก การย้อม การควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์ การตรวจสอบคุณภาพวัตถุดิบสิ่งทอ ปฏิบัติงานด้านบริหารโรงงาน การวิเคราะห์และการทดสอบทางเคมี หรือการศึกษาต่อระดับปริญญาตรีในคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล วิชาเอกเคมีสิ่งทอ
สาขาวิชาเทคโนโลยีเครื่องนุ่งห่ม
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาด้านออกแบบ วิเคราะห์แบบ การวางแผนและควบคุมงานเกี่ยวกับการผลิต การวิเคราะห์ การควบคุมการผลิต การประยุกต์ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับผ้านในงานอุตสาหกรรมเสื้อฟ้า การตรวจสอบมาตรฐานเสื้อผ้า และวิธีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถำงานในโรงงานอุตสาหกรรมตัดเย็บเสื้อผ้าสำเร็จรูป และทำงานสายงานที่เกี่ยวข้อง เช่น พัฒนารูแบบผลิตภัณฑ์ พัฒนากระบวนการผลิต หรือศึกษาในระดับปริญญาตรีในคณะวิศวกรรมศาสตร์ วิชาเอกเทคโลยีเสื้อผ้า คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม วิชาเอกผลิตภัณฑ์เสื้อผ้า เป็นต้น
สาขาวิชาเทคโนโลยีสิ่งทอ
ลักษณะวิชาชีพ มีความรู้เกี่ยวกับหลักการ กระบวนการของงานผลิตด้านอุตสาหกรรมสิ่งทอ สามารถปฏิบัติงานทอผ้าพื้นเมือง เตรียมการทอผ้าด้วยเครื่องจักรออกแบบลายทอ ออกแบบโครงสร้างผ้าถัก ถ้กผ้าและปั่นด้าย และสามารถตรวจสอบคุณภาพงานสิ่งทอได้
การประกอบอาชีพ สามารถประกอบอาชีพอิสระด้านสิ่งทอ ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมสิ่งทอ โรงงานเสื้อผ้า บริษัทประกอบด้านผ้า และเครื่องแต่งกาย เป็นต้น
9.ประเภทวิชาสารสนเทศและการสื่อสาร
สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ
ลักษณะวิชาชีพ สามารถใช้คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพื่องงานอาชีพ แสดงความรู้และหลักการ กระบวนการของเป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศ ปฏิบัติงานเขียนโปรแกรมพัฒนาระบบงาน โปรแกรมประยุกต์ขนาดเล็ก โปรแกรมจัดการงานคอมพิวเตอร์ แก้ไขปรับปรุงโปรแกรมให้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้งาน ออกแบบวางแผน จัดการปรับปรุงพัฒนาระบบเครือข่าย พัฒนาโปรแกรมในอุปกรณ์คอมพิวเตอร์แบบพกพา พัฒนาเกม และแอนิเมชั่น เป็นต้น
อาชีพหลังจบการศึกษา สามารถประกอบอาชีพนักออกกแบบและพัฒนาเว็บไซต์นักพัฒนาโปรแกรม นักเทคโนโลยีสารสนเทศ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานและดูแลเครือข่าย หรืออาชีพอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีสารสนเทศไปประยุกต์ใช้งาน และสามารถศึกษาต่อในระดับ ปวส. และ/หรือปริญญาตรีในสาขาที่เกี่ยวข้องได้
สถานศึกษาที่เปิดสอนในสายอาชีวศึกษา
1.สถาบันการอาชีวศึกษา ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา เช่น วิทยาลัยเทคนิค วิทยาลัยอาชีวศึกษา วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี วิยาลับพณิชยการ วิทยาลัยสารพัดช่าง และวิทยาลัยการอาชีพ เป็นต้น
2.โรงเรียนและวิทยาลัยอาชีวศึกษาเอกชน
3.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
4.วิยาลัยช่างศิลป
แหล่งที่มา:หนังสือเส้นทางสู่อนาคตเมื่อจบม.3
การศึกษาต่อสายอาชีวศึกษา
นักเรียนที่จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 แล้วมีทางเลือกในการศึกษาต่อทางด้านสายอาชีพอีกทางหนึ่ง นั่นก็คือศึกษาต่อในโรงเรียนอาชีวศึกษา ซึ่งใช้เวลาในการศึกษาตามหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) 3 ปี โดยสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา มีหน้าที่โดยตรงในการจัดการศึกษาวิชาชีพ เพื่อพัฒนากำลังคนระดับกึ่งฝีมือ ระดับฝีมือและระดับผู้ชำนาญการเฉพาะสาขาวิชาชีพ (ระดับเทคนิค) ให้สอดคล้องกับตลาดแรงงาน สภาพเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม สามารถเป็นผู้ปฏิบัติงานหัวหน้างานหรือเป็นผู้ประกอบการ และการประกอบอาชีพอิสระได้โดยเน้นการแก้ปัญหาสร้างองค์ความรู้ในอาชีพ มีบุคลิกภาพ คุณธรรมและเจตคติที่ดี หลังจากศึกษาจบแล้วสามารถศึกษาต่อในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) อีก 2 ปี หรืออาจจะศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี 4 ปีก็ได้เช่นกัน
หลักสูตรการศึกษา
เปิดการศึกษาในประเภทวิชาต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. ประเภทวิชาอุตสาหกรรม
1.1 สาขาวิชาเครื่องกล แบ่งออกเป็น สาขางานยานยนต์ เครื่องกลอุตสาหกรรม เครื่องกลเรือ เครื่องกลเกษตร ตัวถังและสีรถยนต์
1.2 สาขาวิชาเครื่องมือกลและซ่อมบำรุง แบ่งออกเป็น สาขางานเครื่องมือกล ซ่อมบำรุงเครื่องจักรกล เขียนแบบเครื่องกล ชิ้นส่วนเครื่องจักรกลเกษตร แม่พิมพ์พลาสติก แม่พิมพ์โลหะ
1.3 สาขาวิชาโลหะการแบ่งออกเป็น สาขางานเชื่อมโลหะ อุตสาหกรรมต่อตัวถังรถโดยสาร
1.4 สาขาวิชาไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ แบ่งออกเป็น สาขางานไฟฟ้ากำลัง อิเล็กทรอนิกส์ โทรคมนาคม เมคคาทรอนิกส์ เทคนิคคอมพิวเตอร์
1.5 สาขาวิชาการก่อสร้างแบ่งออกเป็น สาขางานก่อสร้าง โยธา สถาปัตยกรรม เครื่องเรือนและการตกแต่งภายใน สำรวจ
1.6 สาขาวิชาการพิมพ์ แบ่งออกเป็น สาขางานการพิมพ์
1.7 สาขาวิชาแว่นตาและเลนส์ แบ่งออกเป็น สาขางานแว่นตาและเลนส์
1.8 สาขาวิชาการต่อเรือ แบ่งออกเป็น สาขางานต่อเรือโลหะ ต่อเรือไม้ ต่อเรือไฟเบอร์กล๊าส นาวาสถาปัตย์ ซ่อมบำรุงเรือ
1.9 สาขาวิชาผลิตภัณฑ์ยาง แบ่งออกเป็น สาขางานผลิตภัณฑ์ยาง
2. ประเภทวิชาพณิชยกรรม/บริหารธุรกิจ
2.1 สาขาวิชาพณิชยการแบ่งออกเป็น สาขางานการบัญชี การขาย การเลขานุการ คอมพิวเตอร์ธุรกิจ ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจสถานพยาบาล การประชาสัมพันธ์ ภาษาต่างประเทศ งานสำนักงานสำหรับผู้พิการทางสายตา
2.1 สาขาวิชาธุรกิจบริการ แบ่งออกเป็น สาขางานการจัดการความปลอดภัย การจัดการความสะอาด
3.ประเภทวิชาศิลปกรรม
3.1 สาขาวิชาศิลปกรรมแบ่งออกเป็น สาขางาน วิจิตรศิลป์ การออกแบบ ศิลปหัตถกรรม อุตสาหกรรมเครื่องหนัง เครื่องเคลือบดินเผา เทคโนโลยีการถ่ายภาพฯ เครื่องประดับอัญมณี ช่างทองหลวง เทคโนโลยีศิลปกรรม การพิมพ์สกรีน คอมพิวเตอร์กราฟิก ศิลปหัตถกรรมโลหะ รูปพรรณและเครื่องประดับ ดนตรีสากล เทคโนโลยีนิเทศศิลป์ ช่างทันตกรรม
4. ประเภทวิชาคหกรรม
4.1 สาขาวิชาผ้าและเครื่องแต่งกายแบ่งออกเป็น สาขางาน ผลิตและตกแต่งสิ่งทอ ออกแบบเสื้อผ้า ตัดเย็บเสื้อผ้า อุตสาหกรรมเสื้อผ้า ธุรกิจเสื้อผ้า
4.2 สาขาวิชาอาหารและโภชนาการแบ่งออกเป็น สาขางาน อาหารและโภชนาการ แปรรูปอาหาร ธุรกิจอาหาร
4.3 สาขาวิชาคหกรรมศาสตร์แบ่งออกเป็น สาขางาน คหกรรมการผลิต คหกรรมการบริการ ธุรกิจคหกรรม คหกรรมเพื่อการโรงแรม
5. ประเภทวิชาเกษตรกรรม
5.1 สาขาวิชาเกษตรศาสตร์แบ่งออกเป็น สาขางาน พืชศาสตร์ สัตวศาสตร์ อุตสาหกรรมเกษตร ช่างเกษตร เกษตรทั่วไป การประมง
6. ประเภทวิชาประมง
6.1 สาขาวิชาเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ แบ่งออกเป็น สาขางาน เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
6.2 สาขาวิชาแปรรูปสัตว์น้ำ แบ่งออกเป็น สาขางาน แปรรูปสัตว์น้ำ การผลิตซูริมิและผลิตภัณฑ์
6.3 สาขาวิชาประมงทะเล แบ่งออกเป็น สาขางาน ประมงทะเล
7. ประเภทวิชาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
7.1 สาขาวิชาการโรงแรมและการท่องเที่ยว แบ่งออกเป็น สาขางาน การโรงแรม การท่องเที่ยว
8. ประเภทวิชาอุตสาหกรรมสิ่งทอ
8.1 สาขาวิชาเทคโนโลยีสิ่งทอ แบ่งออกเป็น สาขางาน เทคโนโลยีสิ่งทอ
8.2 สาขาวิชาเคมีสิ่งทอ แบ่งออกเป็น สาขางาน เคมีสิ่งทอ
8.3 สาขาวิชาอุตสาหกรรมเสื้อผ้าสำเร็จรูป แบ่งออกเป็น สาขางาน อุตสาหกรรมเสื้อผ้าสำเร็จรูป
9. ประเภทวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
9.1 สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ แบ่งออกเป็น สาขางาน เทคโนโลยีสารสนเทศ
9.2 สาขาวิชาเทคโนโลยีระบบเสียง แบ่งออกเป็น สาขางาน เทคโนโลยีระบบเสียง
10. หลักสูตรประกาศนียบัตรครูเทคนิคชั้นสูง (ปทส.) 2551
10.1 สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิชาเอก คอมพิวเตอร์ธุรกิจ
10.2 สาขาวิชาเครื่องกล วิชาเอก เทคนิคช่างยนต์
10.3 สาขาวิชาเทคนิคการผลิต วิชาเอก เชื่อมและประสาน
10.4 สาขาวิชาโยธา วิชาเอก เทคนิคโยธา
10.5 สาขาวิชาไฟฟ้า วิชาเอก เทคนิคไฟฟ้ากำลัง
10.6 สาขาวิชาไฟฟ้า วิชาเอก เทคนิคไฟฟ้าสื่อสาร
การเรียนสายอาชีพ
สายอาชีพ คือ สายการศึกษาเฉพาะทาง โดยเน้นให้ผู้เรียนที่จบการศึกษาสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปประกอบอาชีพ หรือสมัครงานตามสาขานั้น ๆ ได้ ซึ่งถือว่าผู้ที่เรียนจบสาขาวิชานั้น ๆ เป็นผู้มีความรู้พื้นฐานสำหรับประกอบอาชีพนั้น ๆ ได้ เช่น
หลักสูตร ปวช. คือ หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ
หลักสูตร ปวส. คือ หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง
ระดับ ปวช. เป็นระดับการฝึกวิชาชีพระดับพื้นฐานในงานสายอาชีพนั้น ๆ ซึ่งมีรู้สามารถนำไปประกอบอาชีพได้ตามความรู้ที่เรียน
ส่วนระดับ ปวส. เป็นระดับความรู้ที่สูงขึ้นจาก ปวช. โดยเน้นความรู้เฉพาะมากขึ้นมีความรู้ความชำนาญพิเศษมากขึ้น
การศึกษาระดับสายอาชีพสามารถศึกษาต่อได้ถึงระดับสูงสุดเท่ากับการศึกษาสายสามัญ คือ ระดับปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก ซึ่งเป็นการพัฒนาการศึกษาตามลำดับขั้นสำหรับผู้สนใจศึกษาต่อระดับสูงขึ้นไปเพื่อยกระดับความรู้ความสามารถ
คุณสมบัติของผู้ศึกษาต่อในสายอาชีพ
1. เป็นผู้มีความรู้พื้นฐานระดับมัธยมต้นหรือเทียบเท่า
2. เป็นผู้มีความสนใจศึกษาสายอาชีพ ต้องการประกอบอาชีพตามสาขาที่เรียน
3. เป็นผู้มีระเบียบวินัยในตนเอง
4. ชอบแสวงหาความรู้
5. เคารพและศรัทธาต่อสถาบันการศึกษาที่เรียน
6. อื่นๆ
สถานศึกษาที่เปิดสอนสายอาชีพ
สถานศึกษาที่เปิดสอนสายอาชีพมีทั้งภาครัฐและเอกชน
สังกัดกรมอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ
ยกตัวอย่างเช่น
สารพัดช่างตามจังหวัดต่าง ๆ
วิทยาลัยเทคนิคต่าง ๆ
โรงเรียนพาณิชการต่าง ๆ
วิทยาลัยการอาชีพต่าง ๆ
มหาวิทยาลัยราชมคลต่าง ๆ
ข้อคิดเห็นเพิ่มเติม
สำหรับการศึกษาสายอาชีพเป็นอีกทางเลือกการการศึกษา สำหรับนักเรียนและผู้สนใจทั่วไปสามารถศึกษาเพิ่มเติมจากข้อมูลของสถาบันการศึกษาที่เปิดรับสมัครผู้สนใจเรียนสายอาชีพ
โดยสาขาวิชาที่เปิดสอนแต่ละยุคสมัยอาจมีการปรับเปลี่ยนไปบ้างตามความเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคม และตอบรับกับความต้องการของแรงงานที่ตลาดต้องการ
แต่การศึกษาสายอาชีพไม่ได้หยุดอยู่เพียงการเป็นแรงงานเท่านั้น ผู้ที่จบการศึกษาสามารถประกอบอาชีพส่วนตัว หรือเลือกศึกษาในระดับสูงขึ้นเพื่อพัฒนาวิชาชีพให้มีคุณค่าขึ้นได้ไม่ต่างจากการศึกษา
ในสายสามัญ อีกทั้งยังมีข้อดีกว่าสายสามัญบางประการ คือ เมื่อจบการศึกษาระดับ ปวช. หรือ ปวส. ท่านมีโอกาสเข้าทำงานมากกว่าจบระดับสายสามัญ
เนื่องจากมีความรู้ความชำนาญสามารถประกอบอาชีพนั้น ๆ ได้ตามความสามารถที่เรียน สามารถนำความรู้ที่ได้รับไปประกอบอาชีพส่วนตัว ประกอบอาชีพอิสระ หรือศึกษาต่อในระดับปริญญาได้เช่นกัน
การศึกษาต่อสายอาชีวศึกษา
เป็นทางเลือกหนึ่ง สำหรับนักเรียนที่ประสงค์จะศึกษาต่อในด้านวิชชาชีพโดยตรง ใช้เวลาศึกษาตามหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ(ปวช.) 3 ปี เพื่อออกมาประกอบอาชีพเป็นช่างฝีมือระดับกลาง เหมาะสำหรับนักเรียที่ชอบเรียนด้านวิชาชีพหรือต้องการประกอบอาชีพได้เร็ว และเมือ่อจบการศึกษาในระดับ ปวช. แล้วก็สามารถศึกษาต่อในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพขั้นสูง(ปวส.) 2 ปี หรือระดับปริญญาตรี 4 ปีก็ได้
หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ(ปวช.)
หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2556 เป็นหลักสูตรที่พัฒนาขึ้นได้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการศึกษา พ.ศ.2542 พระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา พ.ศ.2551 และความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เพื่อผลิตกำลังคนระดับฝีมือที่สมรรถนะวิชาชีพ มีคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพ สามารถนำไปใช้ในการประกอบอาชีพได้ตรงความต้องการของตลาดแรงงานในลักษณะผู้ปฏิบัติ หรือประกอบอาชีพโดบเปิดโอกาสให้ผู้เรียนเลือกระบบและวิธีการเรียนได้อย่างเหมาะสมตามศักยภาพ ตามความสนใจและโอกาสของตน ส่งเสริมให้มีการประสานความร่วมมือ เพื่อจัดการศึกษาและพัฒนาหลักสูตรร่วมกันระหว่างสถาบัน สถานศึกษา หน่วยงานสถานประกอบการ และองค์กรต่างๆทั้งในระดับชุมชน ระดับท้องถิ่น และระดับชาติ
ประเภทวิชาที่เปิดสอนหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2556 ได้แบ่งประเภทวิชาที่เปิดสอนไว้ 9 ประเภทวิชา คือ
แบ่งออกเป็นสาขาวิชาต่างๆ ดังนี้ สาขาวิชาช่างยนต์ ช่างกลโรงงาน ช่างเชื่อมโลหะ ช่างไฟฟ้ากำลัง ช่างอิเล็กทรอนิกส์ ช่างก่อสร้าง ช่างเครื่องเรือนและตกแต่งภายในสถาปัตยกรรม สำรวจ ช่างเขียนแบบเครื่องกล ช่างซ่อมบำรุง ช่างพิมพ์ เทคนิคแว่นตาและเลนส์ ช่างต่อเรือ โทรคมนาคม โยธา อุตสาหกรรมยาง และสาขาวิชาเมคคาทรอนิกส์ โดยมีตัวอย่างการศึกษาในแต่ละสาขา เช่น
สาขาวิชาช่างกลโรงงาน
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาเกี่ยวกับงานโลหะเบื้องต้น การใช้เครื่องกลทุกชนิด เช่น เครื่องกลึง เครื่องใส เครื่องเจียระไน งานเขียนแบบเครื่องกล และงานซ่อมเครื่องมือกลการเชื่อมโลหะและงานหล่อโลหะ เป็นต้น
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถไปปฏิบัติงานในโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ รับราชการเป็นช่างเทคนนิค หรือสามารถที่จะประกอบอาชีพอิสระ
สาขาวิชาช่างเชื่อมโลหะ
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาเกี่ยวกับการหล่อโลหะทุกชนิด โลหะวิทยา การเชื่อมโลหะทุกชนิด (ไฟฟ้า ก๊าซ และการเชื่อมพลาสติก ฯลฯ) การอบชุบโลหะ การเคลือบโลหะ การเคลือบผิวโลหะ การกลึง ไส ตัดโลหะ โดยใช้เครื่องมือกล งานเขียนแบบและประเมินราคางานโลหะ การออแบบและจัดกระสวนงานหล่อ การควบคุมคุณภาพ และการจัดการอุตสาหกรรม
อาชีพหลังจากจบการศึกษา ผู้ที่สำเร็จกรศึกษาสาขาวิช่นี้ สามารถไปปฏิบัติงานในโรงงานอุตสาหกรรมประเภทโรงหล่อ ช่างโครงสร้างเหล็ก ช่างเทคนิคทางด้านงานเขียนแบบอุตสาหากรรม งานควบคุมคุณภาพโรงงานอุตสาหากรรม รับราชการครู การประกอบอาชีพอิสระ เป็นต้น
สาขาวิชาช่างยนต์
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาเกียวกับการตรวจซ่อม บำรุงรักษ และแก้ไขปรับปรุงสภาพเครื่องยนต์ ระยนต์ ที่งแก๊สโซลีนและดีเซล ระบบส่งกำลัง ระบบการรองรับน้ำหนัก ระบบห้ามล้อ ระบบไฟฟ้ารถยนต์ รวมทั้งงานตัวถังและการพ่นสีรถยนต์ นอกจากนี้ยังศึกษาเกี่ยวกับงานที่ต้องใช้เครื่องมือ อุปกรณ์พิเศษบางอย่าง เช่น การใช้สโคปเพื่อตรวงวัตถุระเบิด เครื่องวิเคราะห์ไอเสียรถยนต์ เครื่องตรวงจุดจานจ่าย การตั้งมุมล้อ-ศูนย์ล้อถ่วงล้อฯลฯ
อาชีพหลังจากจบการศึกษา เช่น โรงงานอุตสาหกรมมต่างๆ รัฐวิสาหกิจ พนักงานบริษัท ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับยานยนต์ หรือประกอบอาชีพอิสระ
สาขาวิชาช่างไฟฟ้ากำลัง
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาเกี่ยวกีบงานไฟฟ้าทั่วไป เช่น งานติดตั้งไฟฟ้า เครื่องกลไฟฟ่า ระบบควบคุมไฟฟ้าโรงงาน ระบบไฟฟ้าและระบบแสงสว่าง รวมทั้งศึกษาเกี่ยวกับเครื่องไฟฟ้า ระบบเครื่องทำความเย็น ระบบควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าด้วยอิเล็กทอนิกส์
อาชีพหลังจากจบการศึกษา เช่น รับราชการ รัฐวิสาหกิจ (การไฟฟ้าฝ่ายผลิต,การไฟฟ้านครหลวง,การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค,โรงพยาบาล,การประปา)โรงงานอุตสาหกรรมทั่วไป บริษัทประกอบการเกี่ยวกับอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด หรือประกอบอาชีพอิสระ
สาขาวิชาช่างอิเล็กทรอนิกส์
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาทั้งทางทฤษฏีและปฏิบัติในวิชาเครื่องรับวิทยุ เครื่องใส่วัตถุ เครื่องเสียง เครื่องรับโทรทัศน์ ระบบโทรคมนาคม ความรู้เบื้องต้นทางคอมพิวเตอร์และวงจรอิเล็กทรอนิกส์อุตสาหกรรมใหม่ๆตลอดจนการใช้เครื่องทดสอบอิเล็กทรอนิกส์ในการตรวงซ่อมผู้เรียนจบสาขานี้จะมีความรู้ในทางทฤษฏีและปฏิบัติ รวมที่งมีความชำนาญพอที่จะประกอบอาชีพได้ หรือใช้เป็นแนวทางใยการศึกษาค้นคว้าวิทยาการด้านอิเล็กทรอนิกส์ใหม่ๆต่อไป
อาชีพหลังจากจบการศึกษา เช่น ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมผลิตอุปกรณ์ด้านอิล็กทรอนิกส์ บริษัทประกอบการเกี่ยวกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องมือสื่อสาร เครื่องใช้ไฟฟ้า รัฐวิสาหกิจ(การไฟฟ้าผลิตแห่งประเทศไทย) ประกอบอาชีพอิสระ
สาขาวิชาช่างก่อสร้าง
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาเกี่ยวกับการคำนวณออกแบบโครงสร้าง การเขียนแบบ การประมาณราคาก่อสร้าง การทดสอบวัสดุก่อสร้าง การสำรวจภูมิประเทศเพื่องวางเงินก่อสร้าง และควบคุมการก่อสร้าง
อาชีพหลังจากจบการศึกษา เช่น ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม (เครือซิเมนต์ไทย) บริษัทประกอบการด้านก่อสร้างทั่วไป ประกอบอาชีพอิสระเกี่ยวกับการับเหมาก่อสร้าง
สาขาวิชาอุตสาหกรรมยาง
ลักษณะวิชาชัพ ศึกษาด้านเทคโนโลยีการยาง เพื่อปฏิบัติงานเป็นเจ้าหน้าที่ควบคุมการผลิตในโรงงานอุตสาหกรมยางดิบ ยางสำเร็จรูป โรงงานอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยางและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง หรืออุตสาหกรรมการทำสวนยางขนาดใหญ่
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถประกอบอาชีพ ดังนี้
งานในหน่วยเอกชน ปฏิบัติงานในโรงงานผลิตยางธรรมชาติ โรงงานยางข้น ยางเครพ ยางแม่ง และโรงงายผลิตภัณฑ์ยาง ในหน้าที่เกี่ยกับกระบวนการผลิตในโรงงาน การควบคุมคุณภาพ และการตรวจสอบคุณภาพ
งานราชการ สามารถเข้าทำงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ประจำห้องปฏบัติการผู้ช่วยนักวิจัย เจ้าหนาที่ส่งเสริมในสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง สถาบันวิจัยยาง และหน่วยราชการที่ปฏิบัติงานทางด้านยางพารา
สาขาวิชาสำรวจ
ลักษณะวิชาชีพ การศึกษาเน้นด้านการปฏิบัติการเชิงวิชาการเกี่ยวกับการสำรวจทำแผนที่ราบ แผนที่ภูมิประเทศ แผนที่จากภาพถ่ายทางอากาศ การกำหนดตำแหน่งในงานสำรวจ สถาปัตยกรรมและวิศวกรรมต่างๆ การใช้เครื่องคำนวณและประมวลผลการสำรวจและฝึกทำษะในการใช้เครื่องมือสำรวจต่างๆ
อาชีพหลังจากจบการศึกษา เช่น บริษัทประกอบการรับเหมาก่อสร้าง (ผู้ช่วยวิศวกร เจ้าหน้าที่แผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ ช่างสำรวจ) รับราชการ (กรมที่ดิน กทม. กรมโยธา เทศบาล) เป็นต้น
สาขาวิชาโยธา
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาด้านวิศวกรรมที่เกี่ยวข้องกับการจัดการ การควบคุมงาน การตรวจสอบ การติดต่อประสานงาน และศึกษาทางด้านทฤษฏีและปฏิบัติตามหลักปฐพีกลศาสตร์เกี่ยวกับงานการทาง งานสำรวจ งานโครงสร้าง ทรัพยากรระบบสุขาภิบาล
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถประกอบอาชีพต่างๆ เช่น รับราชการ ทำงานในบริษัทรับเหมาก่อสร้าง และประกอบอาชีพอิสระ
สาขาวิชาข่างเครื่องเรือนตกแต่งภายใน
ลักษณะวิชาชีพ การศึกษาเน้นการออกแบบการผลิตเครื่องเรือน เขียนแบบและออกแบบเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ ธุรกิจพาณิชย์ศึกษา การวางแผน การกำหนดขั้นตอน การผลิต ประมาณราคาการใช้และบำรุงเครื่องจักรกล
อาชีพหลังจากจบการศึกษา เช่น ทำงายในบริษัทประกอบการด้านผลิตเครื่องเรือนเฟอร์นิเจอร์ ออกแบบตกแต่งภายใน รับเหมาก่อสร้าง ประกอบอาชีพอิระ หรือรับราชการ
สาขาวิชาสถาปัตกรรม
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาเกี่ยวกับทักษะการเขียนแบบสถาปัตยกรรม การเขียนแบบก่อสร้าง การนำทคโนโลยีไปใช้ในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับงานช่างสถาปัตยกรรมได้
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถประกอบอาชีพช่างเขียนแบบได้ทั้งในหน่วยงานของรัฐ และเอกชน ภายใต้การควบคุมของสถาปนิก หรือวิศวกร และสามารถศึกษาต่อในระดับ ปวส. และ/หรือระดับปริญญาตรีได้
2.ประเภทวิชาพาณิชยกรรม
แบ่งออกเป็นวิชาต่างๆ ดังนี้ สาขาวิชาการบัญชี การตลาด การเลขานุกรรม
คอมพิวเตอร์ธุรกิจธุรกิจสถานพยาบาล การประชาสัมพันธ์ ธุรกิจค้าปลีก และเลขาวิชาภาษาต่างประเทศ โดยมีตัวอย่างในการศึกษาในแต่ละสาขา เช่น
.สาขาวิชาการบัญชี
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาเกี่ยวกับการทำบัญชี และงบการเงินของธุรกิจทุกรูปแบบรวมถึงการจัดทำบัญชีของหน่วยงานภาครัฐบาลและการตรวจสอบบัญชีของธุรกิจเอกชน
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถไปปฎิบัติหน้าที่เป็นพนักงานบัญชีในธุรกิจทุกแขนง ผู้ช่วยผู้ตรวจสอบบัญชี พนักงานบัญชีในหน่วยงานของรัฐ
.สาขาวิชาการเลขานุการ
ลักษณะวิชาชีพ การศึกษาเน้นด้านทักษะการปฎิบัติงาน สามารถวิเคราะห์ตัดสินใจ และแก้ปัญหาอย่างมีหลักการ
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถปฏิบัติงานในหน่วยงานบริษัทเอกชนหรือรับราชการ
สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาเกี่ยวกับหลักการของคอมพิวเตอร์ การประมวลผล การควบคุมระบบข้อมูลเพื่อการบริหาร ภาษาคอมพิวเตอร์ โปรแกรมสำเร็จรูปต่างๆ
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถปฎิบัติงานในหน่วยงานต่างๆ ได้ดังนี้ บริษัทผลิตซอฟต์แวร์ งานด้านคอมพิวเตอร์ บริษัททั่วไป รับราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือประกอบอาชีพอิสระ
. สาขาวิชาการตลาด
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาเกี่ยวกับงานบริหารธุรกิจ เน้นงานการตลาด งานการจัดซื้อและบริหารคลังพัสดุ งานวิจัยและข้อมูลการตลาด
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถไปปฎิบัติงานเป็นเจ้าหน้าที่การตลาด พนักงานจัดหาสินค้า พนักงานคลังสินค้า พนักงานวิจัย หรือผู้ประกอบธุรกิจ
3. ประเภทวิชาศิลป
กรรมแบ่งออกเป็นสาขาวิชาต่างๆ ดังนี้ สาขาวิจิตรศิลป์ การออกแบบ ศิลปหัตถกรรม ศิลปกรรมเซรามิก ศิลปหัตถกรรมรูปพรรณและเครื่องประดับ การถ่ายภาพและวีดีทัศน์เทคโนโลยีศิลปกรรม คอมพิวเตอร์กราฟิก อุตสาหกรรมเครื่องหนัง เครื่องประดับอัญมณี ช่างทองหลวง และสาขาวิชาศิลปะการดนตรีโดยมีตัวอย่างการศึกษาในแต่ล่ะสาขา เช่น
. สาขาวิชาการถ่ายภาพและวีดีทัศน์
ลักษณะวิชาชีพ การศึกษาเน้นเชิงวิชาการด้านการถ่ายภาพ การถ่ายภาพยนตร์และเทคโนโลยีและโทรทัศน์ การบันทึกเหตุการณ์ งานข่าวสาร และงานการศึกษา เน้นการปฎิบัติงานเฉพาะสาขาด้านการถ่ายภาพให้มีความรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถปฎิบัติงานในหน่วยงานต่างๆได้ดังนี้ สำนักพิมพ์ ภาพยนตร์ จำหน่ายอุปกรณ์เกี่ยวกับการถ่ายภาพและภาพยนตร์ ประกอบอาชีพอิสระ หรือรับราชการ เป็นต้น
.สาขาวิชาวิจิตรศิลป์
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาและปฎิบัติการเขียนภาพด้วยสีน้ำ สีโปสเตอร์ สีน้ำมัน ภาพหุ่นนิ่ง ประเภทดอกไม้ ผลไม้วัสดุด่างผิว เช่น โลหะ แก้ว ภาพทิวทัศน์ประเภทต้นไม้ สิ่งก่อสร้าง ภาพสัตว์และภาพคนเหมือน โดยเน้นเหมือนจริงตามธรรมชาติ และคุณค่าในงานศิลปะค้นคว้าศึกษารูปแบบงานจิตกรรม ศึกษาและปฎิบัติงานประติมากรรมทั้งแบบนูนต่ำและนูนสูง ลอยตัว จากแบบคน สัตว์จิงเน้นถึงฝีมือการแสดงออกที่เหมือนจริงตามธรรมชาติและคุณค่าในทางศิลปะ การจัดองค์ประกอบศิลปะในงานประติมากรรมค้นคว้าศึกษารูปแบบและเนื้อหา เพื่อถ่ายทอดออกมาเป็นผลงานประติมากรรม พร้อมทั้งปฎิบัติงานประติมากรรมด้วยวิธีการแกะสลักปั่นหล่อ โดยเลือกใช้เทคนิคและวิธีสอดคล้องกับหลักการ การศึกษาและปฎิบัติงานศิลปะภาพพิมพ์ด้วยกระบวนการ ภาพพิมพ์เบื่องต่ำ ภาพพิมพ์นูน เช่น ภาพพิมพ์วัสดุ กรรมวิธีการพิมพ์ตะแกรงไหม กรรมวิธีแม่พิมพ์ร่องลึก โดยเน้นหนักในการค้นคว้า การเชื่อมโยงความคิด ทดลองรูปแบบและวิธีการทำภาพขาว-ดำ และวิธีการพิมพ์สอดสีให้ป็นผลงานที่มีความคิดสร้างสรรค์มีการแสดงออกอย่างประณีตและมีคุณค่าในทางศิลปะ
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถเข้ารับราชการในหน่วยงานของกระทรวง กรมและองค์กรต่างๆ หรือทำงานในหน่วยงานของรัฐวิสาหกิจ หน่วยงานเอกชน บริษัท ธนาคาร โรงแรม ในตำแหน่งช่างศิลป์ นักออกแบบ หรือประกอบอาชีพอิสระเป็นจิตรกร ประติมากร เป็นต้น สามารถศึกษาต่อในระดับ ปวส,ปริญญาตรีในสาขาที่เกี่ยวข้องได้
. สาขาวิชาคอมพิวเตอร์กราฟิก
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาและปฎิบัติเกี่ยวกับการออกแบบงานกราฟิก เพื่อเน้นประโยชน์ในด้านการสื่อสารและการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ทั้งในรูปแบบสื่อสิ่งพิมพ์ เช่น การออกแบบโลโก้ การออกแบบโปสเตอร์ การออกแบบกราฟิก เป็นต้น
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถประกอบอาชีพเป็นนักออกแบบกราฟิก ออกแบบรูปภาพ ตัวอักษร หรือภาพเคลื่อนไหวเพื่อใช้ในการออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์เป็นต้น สามารถศึกษาต่อในระดับ ปวส,ปริญญาตรีในสาขาที่เกี่ยวข้องได้
4. ประเภทวิชาคหกรรม
แบ่งออกเป็นสาขาวิชาต่างๆ ดังนี้ สาขาวิชาแฟชั่นและสิ่งทอ อาหารและโภชนาการ คหกรรมศาสตร์ และสาขาวิชาเสริมสวย โดยมีตัวอย่างการศึกษาในแต่ล่ะสาขา เช่น
. สาขาวิชาอาหารและโภชนาการ
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาเกี่ยวกับเทคนิคการทำอาหารแบบต่างๆวิธีการดำเนินการด้านอาหาร ศึกษาหลักโภชนาการ
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถไปปฎิบัติงานในหน่วยงานต่างๆ ได้ เช่น โรงแรม นักโภชนาการ นักกำหนดอาหาร พนักงานคหกิจเกษตร รับราชการ ( ครู นักโภชนาการประจำโรงพยาบาล) ประกอบอาชีพอิสระ โรงงานอุตสาหกรรมผลิตอาหาร (ปฎิบัติงานอาหารและโภชนาการในโรงงาน หรือพนักงานควบคุมคุณภาพ)
.สาขาวิชาคหกรรมศาสตร์
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาทางด้านวิชาชีพทางคหกรรมศาสตร์ การพัฒนาตนเอง และครอบครัว การประดิษฐ์วัสดุต่างๆ
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถไปปฎิบัติงานในหน่วยงานต่างๆ ได้ เช่น บริษัทผลิตอาหาร ประกอบอาชีพอิสระ หรือรับราชการครู เป็นต้น
5.ประเภทวิชาเกษตรกรรม
.สาขาวิชาเกษตรศาสตร์
ลักษณะวิชาชีพ แบ่งตามสาขางานต่างๆ ได้ดังนี้
-สาขางานพืชศาสตร์ ศึกษาเกี่ยวกับการวางแผน การเตรียมการ ดำเนินการและจัดการผลิต และ/หรือบริการด้านงานเกษตร ในลักษณะครบวงจรเชิงธุรกิจ
-สาขางานพืชศาสตร์ ศึกษาตั้งแต่การวางแผน การเตรียมการเพาะปลูกปฎิบัติ ดูแลรักษาด้านพืชไร่ ไม้ผล ไม้ดอก พืชผัก พืชสวนประดับ พืชสมุนไพร และการปรับปรุงพันธุ์พืช ในลักษณะครบวงจรเพื่อจำหน่ายเชิงธุรกิจ
-สาขางานสัตวศาสตร์ ศึกษาทางด้านการเลี้ยงและการจักการฟาร์มทางด้านสัตว์ใหญ่ สัตว์เล็ก และสัตว์ปีก ในลักษณะครบวงจรเพื่อจำหน่ายเชิงธุรกิจ
-สาขางานช่างเกษตร เลือกใช้ บำรุงรักษา สร้าง และซ่อมแซมเบื่องต้น ในงานเครื่องยนต์เล็ก งานเครื่องทุ่นแรงฟาร์ม งานไฟฟ้าในฟาร์ม งานเชื่อมโลหะ งานช่างสำรวจ งานชลประทานเพื่อการเกษตร วางแผนงานการเกษตรอื่นๆ ในลักษณะงานเชิงธุรกิจ
-สาขางานอุตสาหกรรมการเกษตร วางแผน เตรียมการ ดำเนินการและจัดการ ผลิตภัณฑ์สัตว์ ผลิตภัณฑ์นม ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ ผลิตภัณฑ์เกษตรชนิดอื่นๆ ในลักษณะครบวงจรเพื่อจำหน่ายเชิงธุรกิจ
-สาขางานผลิตสัตว์น้ำ ศึกษาด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ การจัดการและการอนุรักษ์สัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์ประมง
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถประกอบอาชีพได้ดังนี้
รับราชการ ในกระทรวง กรม และหน่วยงานต่างๆ เช่น พนักงานสัตวบาลในสังกัดกรมปศุสัตว์ ซึ่งจะประจำอยู่ ใน สถานวิจัย บำรุงพันธุ์สัตว์ หรือสถานีพืชอาหารสัตว์ในจังหวัดต่างๆ พนักงานหรือเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้แก่ กรมส่งเสริมการเกษตร (เจ้าหน้าที่ส่งเสริมและพนักงานการเกษตรตำบล อำเภอ จังหวัด) กรมวิชาการเกษตร(เจ้าพนักงานเกษตร สถานีทดลองหรือวิจัยพืชสวน พืชไร่) กระทรวงศึกษาธิการ ได้แก่ ผู้ช่วยวิจัยและห้องปฎิบัติการของมหาวิทยาลัย และสถานีวิจัยพืชผลต่างๆ เป็นต้น
พนักงาน,ลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ เช่น เจ้าพนักงาน เจ้าหน้าที่สินเชื่อธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ ธนาคารพานิชย์ กองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง
ประกอบอาชีพอิสระ ประกอบอาชีพอิสระที่เกี่ยวกับการเลี้ยงสัตว์ เช่น เป็นเจ้าของฟาร์มสัตว์ ธุรกิจจำหน่ายวัสดุ-อุปกรณ์อาหารสัตว์ ทำสวนดอกไม้ ไม้ประดับ ไม้ผล สวนยางพารา ทำเรือนเพาะชำ ขายกล้วยไม้ และวัสดุทางการเกษตร ขายวัสดุทางการเกษตร และเคมีภัณฑ์ทางการเกษตร
ลูกจ้างบริษัทและเอกชน พนักงานประจำฟาร์มสัตว์ เช่น ฟาร์มสุกร ฟาร์มไก่,เนื้อ,ไก่ไข่ฟาร์มโค ฯลฯ พนักงานจำหน่ายวัสดุ-อุปกรณ์ ยา-เวชภัณฑ์ ที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงสัตว์ พนักงานขายหรือเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการขายวัสดุเคมีภัณฑ์ทางการเกษตรพนักงานขาย หรือเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการขายวัสดุและเคมีภัณฑ์ และอุปกรณ์ในห้องปฏิบัติการ ลูกจ้างสวนหรือฟาร์มเอกชน เป็นต้น
6.ประเภทวิชาประมง
แบ่งออกเป็นสาขาวิชาต่างๆ ดังนี้
สาขาวิชาเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
ลักษณะวิชาชีพ
ปฏิบัติงานพื้นฐานอาชีพเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำตามหลักและกระบวนการ เลือกใช้และบำรุงรักษาเครื่องมือ อุปกรณ์ และเครื่องจักรในงานอาชีพเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ โดย คำนึงถึงความประหยัดและปลอดภัย เตรียมการ ดำเนินการเฉพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ดูแลรักษาและจัดการผลผลิตในลักษณะครบวงจรเพื่อจำหน่ายเชิงธุรกิจ เลือกใช้ และ/หรือประยุกต์ใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ กระบวนการจัดการธุรกิจ และหลักการบริหารงานคุณภาพ เพื่อพัฒนา และส่งเสริมสนับสนุนงานด้านเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
สาขาวิชาการแปรรูปสัตว์น้ำ
ลักษณะวิชาชีพ
ปฏิบัติงานพื้นฐานอาชีพแปรรูปสัตว์น้ำตามหลักการและกระบวนการ เลือกใช้ และ บำรุงรักษาเครื่องมือ อุปกรณ์และเครื่องจักรในงานอาชีพแปรรูปสัตว์น้ำ โดนคำนึงถึงความประหยัดและปลอดภัย ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และสารสนเทศกระบวนการจัดการธุรกิจ และหลักการบริหารงานคุณภาพเพื่อพัฒนาและสนับสนุนงานอาชีพแปรรูปสัตว์น้ำ
อาชีพหลังจบการศึกษาของที่งสองสาขา สามารถปฏิบติงานด้านธุรกิจอาหารสัตว์ น้ำ ธุรกิจจำหน่ายสัตว์น้ำ ฟาร์มสัตว์น้ำ ทำงานในบริษัทเอกชนต่างๆ และสามารถเลือกศึกษาต่อในระดับ ปวส. ปริญญาตรี ในสาขาทีเกี่ยวข้องได้
7.ประเภทวิชาอุตสาหกรมมท่องเที่ยว
แบ่งออกเป็นสาขาวิชาต่างๆ ดังนี้
สาขาวิชาการโรงแรม
ลักษณะวิชาชีพ บุคลากรมีความรู้ความสามารถที่จะปฏิบัติงานในหน้าที่ระดับผู้ปฏิบติงาน ระดับหัวหน้างาน ระดับผู้ช่วยผู้บริหาร และระดับผู้บริหาร สามารถปฏิบติงานในหน้าที่บุคลากรด้านโรงแรม
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถไปปฏิบัติงานในธุรกิจโรงแรม
สาขาวิชาการท่องเที่ยว
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ลักษณะการปฏิบัติหน้าที่ระดับผู้ปฏิบัติงาน ระดับผู้ช่วยบริหาร และระดับผู้บริหาร
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถไปปฏิบัติงานในหน่วยงานต่างๆได้ดังนี้ บริษัทท่องเที่ยว โรงแรม บริษัทเอกชน ธุรกิจการบิน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
8.ประเภทวิชาอุตสาหกรรมสิ่งทอ
แบ่งเป็นสาขาวิชาต่างๆดังนี้
สาขาวิชาเคมีสิ่งทอ
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาเกี่ยวกับการเตรียมสิ่งทอ การย้อมสี การพิมพ์ผ้า การตกแต่ง กระบวนการผลิตทางเคมี การวิเคราะห์และทอดสอบวัสดุเส้นใย
อาชีพหลังจากจบการศึกษา เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วสามารถปฏิบัติงานในโรงงานอุตสาหกรรมสิ่งทอในด้านการผลิตเส้นใย การผลิตย้อมสี การผลิตผ้าผืน การฟอก การย้อม การควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์ การตรวจสอบคุณภาพวัตถุดิบสิ่งทอ ปฏิบัติงานด้านบริหารโรงงาน การวิเคราะห์และการทดสอบทางเคมี หรือการศึกษาต่อระดับปริญญาตรีในคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล วิชาเอกเคมีสิ่งทอ
สาขาวิชาเทคโนโลยีเครื่องนุ่งห่ม
ลักษณะวิชาชีพ ศึกษาด้านออกแบบ วิเคราะห์แบบ การวางแผนและควบคุมงานเกี่ยวกับการผลิต การวิเคราะห์ การควบคุมการผลิต การประยุกต์ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับผ้านในงานอุตสาหกรรมเสื้อฟ้า การตรวจสอบมาตรฐานเสื้อผ้า และวิธีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์
อาชีพหลังจากจบการศึกษา สามารถำงานในโรงงานอุตสาหกรรมตัดเย็บเสื้อผ้าสำเร็จรูป และทำงานสายงานที่เกี่ยวข้อง เช่น พัฒนารูแบบผลิตภัณฑ์ พัฒนากระบวนการผลิต หรือศึกษาในระดับปริญญาตรีในคณะวิศวกรรมศาสตร์ วิชาเอกเทคโลยีเสื้อผ้า คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม วิชาเอกผลิตภัณฑ์เสื้อผ้า เป็นต้น
สาขาวิชาเทคโนโลยีสิ่งทอ
ลักษณะวิชาชีพ มีความรู้เกี่ยวกับหลักการ กระบวนการของงานผลิตด้านอุตสาหกรรมสิ่งทอ สามารถปฏิบัติงานทอผ้าพื้นเมือง เตรียมการทอผ้าด้วยเครื่องจักรออกแบบลายทอ ออกแบบโครงสร้างผ้าถัก ถ้กผ้าและปั่นด้าย และสามารถตรวจสอบคุณภาพงานสิ่งทอได้
การประกอบอาชีพ สามารถประกอบอาชีพอิสระด้านสิ่งทอ ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมสิ่งทอ โรงงานเสื้อผ้า บริษัทประกอบด้านผ้า และเครื่องแต่งกาย เป็นต้น
9.ประเภทวิชาสารสนเทศและการสื่อสาร
สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ
ลักษณะวิชาชีพ สามารถใช้คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพื่องงานอาชีพ แสดงความรู้และหลักการ กระบวนการของเป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศ ปฏิบัติงานเขียนโปรแกรมพัฒนาระบบงาน โปรแกรมประยุกต์ขนาดเล็ก โปรแกรมจัดการงานคอมพิวเตอร์ แก้ไขปรับปรุงโปรแกรมให้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้งาน ออกแบบวางแผน จัดการปรับปรุงพัฒนาระบบเครือข่าย พัฒนาโปรแกรมในอุปกรณ์คอมพิวเตอร์แบบพกพา พัฒนาเกม และแอนิเมชั่น เป็นต้น
อาชีพหลังจบการศึกษา สามารถประกอบอาชีพนักออกกแบบและพัฒนาเว็บไซต์นักพัฒนาโปรแกรม นักเทคโนโลยีสารสนเทศ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานและดูแลเครือข่าย หรืออาชีพอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีสารสนเทศไปประยุกต์ใช้งาน และสามารถศึกษาต่อในระดับ ปวส. และ/หรือปริญญาตรีในสาขาที่เกี่ยวข้องได้
สถานศึกษาที่เปิดสอนในสายอาชีวศึกษา
1.สถาบันการอาชีวศึกษา ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา เช่น วิทยาลัยเทคนิค วิทยาลัยอาชีวศึกษา วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี วิยาลับพณิชยการ วิทยาลัยสารพัดช่าง และวิทยาลัยการอาชีพ เป็นต้น
2.โรงเรียนและวิทยาลัยอาชีวศึกษาเอกชน
3.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
4.วิยาลัยช่างศิลป
แหล่งที่มา:หนังสือเส้นทางสู่อนาคตเมื่อจบม.3
การศึกษาต่อสายอาชีวศึกษา
นักเรียนที่จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 แล้วมีทางเลือกในการศึกษาต่อทางด้านสายอาชีพอีกทางหนึ่ง นั่นก็คือศึกษาต่อในโรงเรียนอาชีวศึกษา ซึ่งใช้เวลาในการศึกษาตามหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) 3 ปี โดยสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา มีหน้าที่โดยตรงในการจัดการศึกษาวิชาชีพ เพื่อพัฒนากำลังคนระดับกึ่งฝีมือ ระดับฝีมือและระดับผู้ชำนาญการเฉพาะสาขาวิชาชีพ (ระดับเทคนิค) ให้สอดคล้องกับตลาดแรงงาน สภาพเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม สามารถเป็นผู้ปฏิบัติงานหัวหน้างานหรือเป็นผู้ประกอบการ และการประกอบอาชีพอิสระได้โดยเน้นการแก้ปัญหาสร้างองค์ความรู้ในอาชีพ มีบุคลิกภาพ คุณธรรมและเจตคติที่ดี หลังจากศึกษาจบแล้วสามารถศึกษาต่อในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) อีก 2 ปี หรืออาจจะศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี 4 ปีก็ได้เช่นกัน
หลักสูตรการศึกษาเปิดการศึกษาในประเภทวิชาต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. ประเภทวิชาอุตสาหกรรม
1.1 สาขาวิชาเครื่องกล แบ่งออกเป็น สาขางานยานยนต์ เครื่องกลอุตสาหกรรม เครื่องกลเรือ เครื่องกลเกษตร ตัวถังและสีรถยนต์
1.2 สาขาวิชาเครื่องมือกลและซ่อมบำรุง แบ่งออกเป็น สาขางานเครื่องมือกล ซ่อมบำรุงเครื่องจักรกล เขียนแบบเครื่องกล ชิ้นส่วนเครื่องจักรกลเกษตร แม่พิมพ์พลาสติก แม่พิมพ์โลหะ
1.3 สาขาวิชาโลหะการแบ่งออกเป็น สาขางานเชื่อมโลหะ อุตสาหกรรมต่อตัวถังรถโดยสาร
1.4 สาขาวิชาไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ แบ่งออกเป็น สาขางานไฟฟ้ากำลัง อิเล็กทรอนิกส์ โทรคมนาคม เมคคาทรอนิกส์ เทคนิคคอมพิวเตอร์
1.5 สาขาวิชาการก่อสร้างแบ่งออกเป็น สาขางานก่อสร้าง โยธา สถาปัตยกรรม เครื่องเรือนและการตกแต่งภายใน สำรวจ
1.6 สาขาวิชาการพิมพ์ แบ่งออกเป็น สาขางานการพิมพ์
1.7 สาขาวิชาแว่นตาและเลนส์ แบ่งออกเป็น สาขางานแว่นตาและเลนส์
1.8 สาขาวิชาการต่อเรือ แบ่งออกเป็น สาขางานต่อเรือโลหะ ต่อเรือไม้ ต่อเรือไฟเบอร์กล๊าส นาวาสถาปัตย์ ซ่อมบำรุงเรือ
1.9 สาขาวิชาผลิตภัณฑ์ยาง แบ่งออกเป็น สาขางานผลิตภัณฑ์ยาง
2. ประเภทวิชาพณิชยกรรม/บริหารธุรกิจ
2.1 สาขาวิชาพณิชยการแบ่งออกเป็น สาขางานการบัญชี การขาย การเลขานุการ คอมพิวเตอร์ธุรกิจ ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจสถานพยาบาล การประชาสัมพันธ์ ภาษาต่างประเทศ งานสำนักงานสำหรับผู้พิการทางสายตา
2.1 สาขาวิชาธุรกิจบริการ แบ่งออกเป็น สาขางานการจัดการความปลอดภัย การจัดการความสะอาด
3.ประเภทวิชาศิลปกรรม
3.1 สาขาวิชาศิลปกรรมแบ่งออกเป็น สาขางาน วิจิตรศิลป์ การออกแบบ ศิลปหัตถกรรม อุตสาหกรรมเครื่องหนัง เครื่องเคลือบดินเผา เทคโนโลยีการถ่ายภาพฯ เครื่องประดับอัญมณี ช่างทองหลวง เทคโนโลยีศิลปกรรม การพิมพ์สกรีน คอมพิวเตอร์กราฟิก ศิลปหัตถกรรมโลหะ รูปพรรณและเครื่องประดับ ดนตรีสากล เทคโนโลยีนิเทศศิลป์ ช่างทันตกรรม
4. ประเภทวิชาคหกรรม
4.1 สาขาวิชาผ้าและเครื่องแต่งกายแบ่งออกเป็น สาขางาน ผลิตและตกแต่งสิ่งทอ ออกแบบเสื้อผ้า ตัดเย็บเสื้อผ้า อุตสาหกรรมเสื้อผ้า ธุรกิจเสื้อผ้า
4.2 สาขาวิชาอาหารและโภชนาการแบ่งออกเป็น สาขางาน อาหารและโภชนาการ แปรรูปอาหาร ธุรกิจอาหาร
4.3 สาขาวิชาคหกรรมศาสตร์แบ่งออกเป็น สาขางาน คหกรรมการผลิต คหกรรมการบริการ ธุรกิจคหกรรม คหกรรมเพื่อการโรงแรม
4.4 สาขาวิชาเสริมสวยแบ่งออกเป็น สาขางาน เสริมสวย
5. ประเภทวิชาเกษตรกรรม
5.1 สาขาวิชาเกษตรศาสตร์แบ่งออกเป็น สาขางาน พืชศาสตร์ สัตวศาสตร์ อุตสาหกรรมเกษตร ช่างเกษตร เกษตรทั่วไป การประมง
6. ประเภทวิชาประมง
6.1 สาขาวิชาเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ แบ่งออกเป็น สาขางาน เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
6.2 สาขาวิชาแปรรูปสัตว์น้ำ แบ่งออกเป็น สาขางาน แปรรูปสัตว์น้ำ การผลิตซูริมิและผลิตภัณฑ์
6.3 สาขาวิชาประมงทะเล แบ่งออกเป็น สาขางาน ประมงทะเล
7. ประเภทวิชาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
7.1 สาขาวิชาการโรงแรมและการท่องเที่ยว แบ่งออกเป็น สาขางาน การโรงแรม การท่องเที่ยว
8. ประเภทวิชาอุตสาหกรรมสิ่งทอ
8.1 สาขาวิชาเทคโนโลยีสิ่งทอ แบ่งออกเป็น สาขางาน เทคโนโลยีสิ่งทอ
8.2 สาขาวิชาเคมีสิ่งทอ แบ่งออกเป็น สาขางาน เคมีสิ่งทอ
8.3 สาขาวิชาอุตสาหกรรมเสื้อผ้าสำเร็จรูป แบ่งออกเป็น สาขางาน อุตสาหกรรมเสื้อผ้าสำเร็จรูป
9. ประเภทวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
9.1 สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ แบ่งออกเป็น สาขางาน เทคโนโลยีสารสนเทศ
9.2 สาขาวิชาเทคโนโลยีระบบเสียง แบ่งออกเป็น สาขางาน เทคโนโลยีระบบเสียง
10. หลักสูตรประกาศนียบัตรครูเทคนิคชั้นสูง (ปทส.) 2551
10.1 สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิชาเอก คอมพิวเตอร์ธุรกิจ
10.2 สาขาวิชาเครื่องกล วิชาเอก เทคนิคช่างยนต์
10.3 สาขาวิชาเทคนิคการผลิต วิชาเอก เชื่อมและประสาน
10.4 สาขาวิชาโยธา วิชาเอก เทคนิคโยธา
10.5 สาขาวิชาไฟฟ้า วิชาเอก เทคนิคไฟฟ้ากำลัง
10.6 สาขาวิชาไฟฟ้า วิชาเอก เทคนิคไฟฟ้าสื่อสาร
การศึกษาต่อสายอาชีวศึกษา
นักเรียนที่จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 แล้วมีทางเลือกในการศึกษาต่อ
ทางด้านสายอาชีพอีกทางหนึ่ง นั่นก็คือศึกษาต่อในโรงเรียนอาชีวศึกษา ซึ่งใช้เวลาใน
การศึกษาตามหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) 3 ปี โดยส านักงานคณะกรรมการ
การอาชีวศึกษา มีหน้าที่โดยตรงในการจัดการศึกษาวิชาชีพ เพื่อพัฒนาก าลังคนระดับกึ่ง
ฝีมือ ระดับฝีมือและระดับผู้ช านาญการเฉพาะสาขาวิชาชีพ (ระดับเทคนิค) ให้สอดคล้องกับ
ตลาดแรงงาน สภาพเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม สามารถเป็น
ผู้ปฏิบัติงานหัวหน้างานหรือเป็นผู้ประกอบการ และการประกอบอาชีพอิสระได้โดยเน้นการ
แก้ปัญหาสร้างองค์ความรู้ในอาชีพ มีบุคลิกภาพ คุณธรรมและเจตคติที่ดี หลังจากศึกษาจบ
แล้วสามารถศึกษาต่อในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) อีก 2 ปี หรืออาจจะ
ศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี 4 ปีก็ได้เช่นกัน
หลักสูตรการศึกษา
เปิดการศึกษาในประเภทวิชาต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. ประเภทวิชาอุตสาหกรรม
1.1 สาขาวิชาเครื่องกล แบ่งออกเป็น สาขางานยานยนต์ เครื่องกลอุตสาหกรรม
เครื่องกลเรือ เครื่องกลเกษตร ตัวถังและสีรถยนต์
1.2 สาขาวิชาเครื่องมือกลและซ่อมบ ารุง แบ่งออกเป็น สาขางานเครื่องมือกล ซ่อม
บ ารุงเครื่องจักรกล เขียนแบบเครื่องกล ชิ้นส่วนเครื่องจักรกลเกษตร แม่พิมพ์พลาสติก
แม่พิมพ์โลหะ
1.3 สาขาวิชาโลหะการแบ่งออกเป็น สาขางานเชื่อมโลหะ อุตสาหกรรมต่อตัวถังรถ
โดยสาร
1.4 สาขาวิชาไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ แบ่งออกเป็น สาขางานไฟฟ้าก าลัง
อิเล็กทรอนิกส์ โทรคมนาคม เมคคาทรอนิกส์ เทคนิคคอมพิวเตอร์
1.5 สาขาวิชาการก่อสร้างแบ่งออกเป็น สาขางานก่อสร้าง โยธา สถาปัตยกรรม
เครื่องเรือนและการตกแต่งภายใน ส ารวจ
1.6 สาขาวิชาการพิมพ์ แบ่งออกเป็น สาขางานการพิมพ์
1.7 สาขาวิชาแว่นตาและเลนส์ แบ่งออกเป็น สาขางานแว่นตาและเลนส์
1.8 สาขาวิชาการต่อเรือ แบ่งออกเป็น สาขางานต่อเรือโลหะ ต่อเรือไม้ ต่อเรือไฟ
เบอร์กล๊าส นาวาสถาปัตย์ ซ่อมบ ารุงเรือ
1.9 สาขาวิชาผลิตภัณฑ์ยาง แบ่งออกเป็น สาขางานผลิตภัณฑ์ยาง
เ ส้ น ท า ง ก า ร ศึ ก ษ า ต่ อ ใ น อ น า ค ต
2. ประเภทวิชาพณิชยกรรม/บริหารธุรกิจ
2.1 สาขาวิชาพณิชยการแบ่งออกเป็น สาขางานการบัญชี การขาย การเลขานุการ
คอมพิวเตอร์ธุรกิจ ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจสถานพยาบาล การประชาสัมพันธ์
ภาษาต่างประเทศ งานส านักงานส าหรับผู้พิการทางสายตา
2.1 สาขาวิชาธุรกิจบริการ แบ่งออกเป็น สาขางานการจัดการความปลอดภัย การ
จัดการความสะอาด
3.ประเภทวิชาศิลปกรรม
3.1 สาขาวิชาศิลปกรรมแบ่งออกเป็น สาขางาน วิจิตรศิลป์ การออกแบบ
ศิลปหัตถกรรม อุตสาหกรรมเครื่องหนัง เครื่องเคลือบดินเผา เทคโนโลยีการถ่ายภาพฯ
เครื่องประดับอัญมณี ช่างทองหลวง เทคโนโลยีศิลปกรรม การพิมพ์สกรีน คอมพิวเตอร์
กราฟิก ศิลปหัตถกรรมโลหะ รูปพรรณและเครื่องประดับ ดนตรีสากล เทคโนโลยีนิเทศ
ศิลป์ ช่างทันตกรรม
4. ประเภทวิชาคหกรรม
4.1 สาขาวิชาผ้าและเครื่องแต่งกายแบ่งออกเป็น สาขางาน ผลิตและตกแต่งสิ่งทอ
ออกแบบเสื้อผ้า ตัดเย็บเสื้อผ้า อุตสาหกรรมเสื้อผ้า ธุรกิจเสื้อผ้า
4.2 สาขาวิชาอาหารและโภชนาการแบ่งออกเป็น สาขางาน อาหารและโภชนาการ
แปรรูปอาหาร ธุรกิจอาหาร
4.3 สาขาวิชาคหกรรมศาสตร์แบ่งออกเป็น สาขางาน คหกรรมการผลิต คหกรรม
การบริการ ธุรกิจคหกรรม คหกรรมเพื่อการโรงแรม
4.4 สาขาวิชาเสริมสวยแบ่งออกเป็น สาขางาน เสริมสวย
5. ประเภทวิชาเกษตรกรรม
5.1 สาขาวิชาเกษตรศาสตร์แบ่งออกเป็น สาขางาน พืชศาสตร์ สัตวศาสตร์
อุตสาหกรรมเกษตร ช่างเกษตร เกษตรทั่วไป การประมง
6. ประเภทวิชาประมง
6.1 สาขาวิชาเพาะเลี้ยงสัตว์น้ า แบ่งออกเป็น สาขางาน เพาะเลี้ยงสัตว์น้ า
6.2 สาขาวิชาแปรรูปสัตว์น้ า แบ่งออกเป็น สาขางาน แปรรูปสัตว์น้ า การผลิตซูริมิ
และผลิตภัณฑ์
6.3 สาขาวิชาประมงทะเล แบ่งออกเป็น สาขางาน ประมงทะเล
7. ประเภทวิชาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
7.1 สาขาวิชาการโรงแรมและการท่องเที่ยว แบ่งออกเป็น สาขางาน การโรงแรม
การท่องเที่ยว
เส้นทางการศึกษาต่อในอนาคต
8. ประเภทวิชาอุตสาหกรรมสิ่งทอ
8.1 สาขาวิชาเทคโนโลยีสิ่งทอ แบ่งออกเป็น สาขางาน เทคโนโลยีสิ่งทอ
8.2 สาขาวิชาเคมีสิ่งทอ แบ่งออกเป็น สาขางาน เคมีสิ่งทอ
8.3 สาขาวิชาอุตสาหกรรมเสื้อผ้าส าเร็จรูป แบ่งออกเป็น สาขางาน อุตสาหกรรม
เสื้อผ้าส าเร็จรูป
9. ประเภทวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
9.1 สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ แบ่งออกเป็น สาขางาน เทคโนโลยีสารสนเทศ
9.2 สาขาวิชาเทคโนโลยีระบบเสียง แบ่งออกเป็น สาขางาน เทคโนโลยีระบบเสียง
10. หลักสูตรประกาศนียบัตรครูเทคนิคชั้นสูง (ปทส.) 2551
10.1 สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิชาเอก คอมพิวเตอร์ธุรกิจ
10.2 สาขาวิชาเครื่องกล วิชาเอก เทคนิคช่างยนต์
10.3 สาขาวิชาเทคนิคการผลิต วิชาเอก เชื่อมและประสาน
10.4 สาขาวิชาโยธา วิชาเอก เทคนิคโยธา
10.5 สาขาวิชาไฟฟ้า วิชาเอก เทคนิคไฟฟ้าก าลัง
10.6 สาขาวิชาไฟฟ้า วิชาเอก เทคนิคไฟฟ้าสื่อสาร
แนะนำสถานศึกษาด้านทหาร-ตำรวจ
สถานศึกษาด้านทหาร-ตำรวจ ปัจจุบันได้รับความสนใจจากนักเรียนมากเพราะในระหว่างที่ศึกษาอยู่จะได้รับเบี้ยเลี้ยงและสวัสดิการต่างๆ มากมาย เมื่อจนจบการศึกษา จะได้รับการบรรจุให้เข้ารับราชการทันที ไม่มีปัญ.หาตกงานเหมื่อนการศึกษาในสถาบันอื่นๆนักเรียนที่มีความประสงค์จะศึกษาต่อในทางสายนี้ นอกจากจะต้องสอบข้อเขียนให้ได้ยังต้องผ่านการทดสอบพลศึกษาอีกด้วยจึงต้องฟิตร่างกายให้แข็งแรง
สถานศึกษาทางด้านทหาร-ตำรวจ ที่เปิดรับนักเรียนที่จบชั้น ม.3 เข้าศึกษาต่อในในสถาบันมีหลายแห่งดังนี้
1.โรงเรียนเตรียมทหาร
-โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า
-โรงเรียนนายเรือ
-โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
2. โรงเรียนจ่าอากาศ
3. โรงเรียนดุริยางค์ทหารบก
4. โรงเรียนดุริยางค์ทหารอากาส
5. โรงเรียนช่างฝีมือทหาร
6. โรงเรียนช่างกรมอู่ทหารเรือ
วิทยาลัยนาฎศิลปะสังกัดกรมศิลปากร
วิทยาลัยนาฎศิลป เป็นสถานศึกษาในสังกัดสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์
กรมศิลปากรกระทรวงวัฒนธรรม ให้การศึกษาทั้งวิชาสามัญและวิชาศิลปะ
ที่ตั้ง ปัจจุบันมีทั้งหมด 12 แห่ง คือ
1. วิทยาลัยนาฎศิลปกรุงเทพ 119 หมู่ 3 ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม
โทร 0-2482-1313
website : http://cda.bpi.ac.th
2. วิทยาลัยนาฎศิลปเชียงใหม่ 1 ถ.สุริยวงศ์ ซอย2 ต.หายยา อ.เมือง จ.เชียงใหม่
โทร 0-3328-3561-2,0-5327-1596
website : http://cdacm.bpi.ac.th
3. วิทยาลัยนาฎศิลปอ่างทอง 28 ต.บางแก้ว อ.เมืองอ่างทอง จ.อ่างทอง
โทร 0-3561-1548 website : http://cdaat.bpi.ac.th
4. วิทยาลัยนาฏศิลป์นครศรีธรรมราช ต.ท่าเรือ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช
โทร
0-7544-6154
website: http://cdans.bpi.ac.th
5. วิทยาลัยนาฎศิลปร้อยเอ็ด ถ.กองพลสิบ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด
โทร
0-4351-1244 website: http://cdans.bpi.ac.th
6. วิทยาลัยนาฏศิลปสุโขทัย
ต.บ้านกล้วย อ.เมือง จ.สุโขทัย โทร 0-5561-1820
website : http://cdask.bpi.ac.th
7. วิทยาลัยนาฎศิลปกาฬสินธุ์ ต.กาฬสินธุ์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ โทร0-4381-1317
website : http://cdaks.bpi.ac.th
8. วิทยาลัยนาฏศิลปลพบุรี ถ.รามเดโช ต.ทะเลชุบศร อ.เมือง จ.ลพบุรี โทร 0-3641-2150
website : http://cdalb.bpi.ac.th
9. วิทยาลัยนาฏศิลปจันทบุรี ถ.ชวนะอุทิต ต.วัดใหม่ อ.เมือง จ.จันทบุรี โทร 0-5931-3214
website : http://cdacb.bpi.ac.th
10. วิทยาลัยนาฏศิลปพัทลุง ต.ควบมะพร้าว อ.เมือง จ.พัทลุง โทร 0-7484-0449
website : http://cdapt.bpi.ac.th
11. วิทยาลัยนาฏศิลปสุพรรณบุรี ถ.สุพรรณบุรี-ชัยนาท ต.สนามชัย อ.เมือง
จ.สุพรรณบุรี
โทร0-3522-2534 ,
0-3553-5247 website : http://cdasp.bpi.ac.th
12. วิทยาลัยนาฏศิลปะนครราชสีมา ถ.มิตรภาพ ต.โคกกรวด อ.เมือง จ.นครราชสีมา
โทร 0-4446-5152-3 website : http://cdanc.bpi.ac.th
ที่ตั้ง
เลขที่ 9 ม.10 ต.ศรีกะอาง อ.บ้านนา จ.นครนายก 26110 โทร. 02 572 5900 , 03730 6025
หลักสูตรของโรงเรียนเตรียมทหาร
1.
เป็นหลักสูตรที่จัดให้นักเรียนเตรียมทหารศึกษาต่อเนื่องจากหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนต้น
ของกระทรวงศึกษาธิการโดยศึกษาต่ออีก 3 ชั้นปี
2.
เป็นหลักสูตรแนวเดียวกันกับหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย
โดยเน้นกลุ่มวิชาซึ่งจะเป็นพื้นฐานความรู้ในการศึกษาต่อ สาขาวิชาวิทยาศาสตร์
วิศวกรรมศาสตร์ และรัฐศาสตร์ ในโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า โรงเรียนนายเรือ
โรงเรียนนายเรืออากาศ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ และสถาบันระดับอุดมศึกษาทั่วไปได้
3.
เป็นหลักสูตรที่มุ่งส่งเสริมสมรรถภาพและลักษณะผู้นำทางทหาร – ตำรวจ เน้นการผสมผสานระหว่างความรู้กับการปฏิบัติให้เหมาะสมกับภารกิจหน้าที่สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจ
สังคมและการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
4. เป็นหลักสูตรที่มุ่งปลูกฝังคุณธรรม
ความสามัคคี และความกล้าทางจริยธรรม โดยเน้นการประพฤติปฏิบัติเป็นสำคัญ
การจำหน่ายใบสมัคร
ใบสมัครและระเบียบการในการสอบคัดเลือกเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหาร
จะมีสถานที่จำหน่ายแตกต่างกันไปตามเหล่าที่นักเรียนสมัครเข้าศึกษาต่อ ดังนี้
1. ใบสมัครของนักเรียนเตรียมทหาร
ในส่วนของกองทัพบก มีจำหน่ายที่ กองสถิติและวิจัย
โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า จ.นครนายก 26001
2. ใบสมัครของนักเรียนเตรียมทหาร
ในส่วนของกองทัพเรือ มีจำหน่ายที่ โรงเรียนนายเรือ จ.สมุทรปราการ 10270
3. ใบสมัครของนักเรียนเตรียมทหาร
ในส่วนของกองทัพอากาศ มีจำหน่ายที่ กองสถิติและวิจัย โรงเรียนนายเรืออากาศ ดอนเมือง กรุงเทพฯ 10220
และตามกองบินต่าง ๆ ทั่วประเทศ
4. ใบสมัครของนักเรียนเตรียมทหาร
ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีจำหน่ายที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ สามพราน
จ.นครปฐม 73110
หลักฐานที่จะต้องยืนในวันสมัคร
1. รูปถ่ายหน้าตรง ครึ่งตัว
ไม่สวมหมวกหรือแว่นตา (เหมือนกับทุกรูป) และต้องเป็นรูปที่ถ่ายไว้ไม่เกิน 3 เดือน
2. สำเนาสูติบัตร
3. ใบรับรองผลการเรียน ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
(รบ. 5 – ป) หรือใบรับรองการศึกษาตามอย่างที่แนบ
(ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4)
4. ใบสำคัญทหารกองเกินหรือใบแทน
5. สำเนาทะเบียนบ้านของผู้สมัคร และของบิดามารดาผู้ให้กำเนิดซึ่งคัดไว้ไม่เกิน
3 เดือน หากผู้สมัครมีบิดา และมารดาที่มีนามสกุลไม่ตรงกัน
ต้องนำหลักฐานมาแสดงประกอบด้วย
6. ในกรณีที่บิดาหรือมารดาถึงแก่กรรม
ให้นำหลักฐานใบมรณบัตรหรือหนังสือรับรองจากนายทะเบียน
เพื่อแสดงสัญชาติของบิดาหรือมารดา
7. หลักฐานแสดงว่าสำเร็จหลักสูตรการฝึกวิชาทหาร
(ชั้นปีที่ 1, 2, 3, 4 หรือ 5) ของกรมการรักษาดินแดน กระทรวงกลาโหม
(ถ้ามี)
8. หลักฐานแสดงว่าเป็นบุตรนายทหาร
นายตำรวจสัญญาบัตรประจำการ หรือนกประจำการหรือเป็นบุตรนายทหารประทวน
หรือตำรวจต่ำกว่าชั้นสัญญาบัตรประจำการ (ถ้ามี)
9. หลักฐานแสดงว่าผู้สมัครเป็นบุตรทหาร
ข้าราชการ คนงาน ซึ่งได้กระทำหน้าที่ระหว่างที่มีการรบหรือสงคราม
หรือมีการปราบปรามการจลาจล
หรือในระหว่างที่มีพระบรมราชโองการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
ซึ่งมีสิทธิได้นับวันราชการทวีคูณ (ในกรณีนับวันทวีคูณเฉพาะกรณีปราบจลาจล พ.ศ. 2498)
(ถ้ามี)
10. หลักฐานแสดงว่าผู้สมัครเป็นบุตรทหาร
ข้าราชการ คนงาน ที่ต้องประสบอันตราย ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่
หรือถูกประทุษร้ายเพราะเหตุกระทำตามหน้าที่จนถึงทุพพลภาพ
หรือบาดเจ็บถึงตายเพราะเหตุนั้น ซึ่งได้รับบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
หรือเหรียญกล้าหาญ (ถ้ามี)
หมายเหตุ
- นักเรียนเตรียมทหารในส่วนของกองทัพบก
(สมัครทางไปรษณีย์ จะใช้รูปถ่ายขนาดใดก็ได้ จำนวน 1 รูป สำหรับผู้สมัครด้วยตนเองจะถ่ายรูปตอนไปสมัคร)
- นักเรียนเตรียมทหารในส่วนของกองทัพเรือ
(สมัครทางไปรษณีย์ จะใช้รูปถ่ายขนาด 1.5 x 2 นิ้ว จำนวน 7 รูป สำหรับผู้สมัครด้วยตนเองจะถ่ายรูปตอนไปสมัคร)
- นักเรียนเตรียมทหารในส่วนของกองทัพอากาศ
ใช้รูปถ่ายขนาด 1 นิ้ว จำนวน 4 รูป
-
นักเรียนเตรียมทหารในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ใช้รูปถ่ายขนาด 1 x 1.5 นิ้ว จำนวน 8 รูป
-
เอกสารทุกอย่างหากผู้สมัครถ่ายเอกสารมาเอง ต้องนำต้นฉบับจริงมาให้กรรมการตรวจสอบด้วย
การเตรียมเอกสารต่างๆ
ให้ผู้สมัครดำเนินการตามแบบฟอร์มที่กำหนดไว้ในระเบียบการซึ่งจะจำหน่ายคู่กับใบสมัคร
หลักฐานต่างๆ
ที่ต้องนำมามอบให้กรรมการในวันทำสัญญา คือ
1.ระเบียบแสดงผลการเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
ม.3 (รบ.1 ต.) หรือเทียบเท่า
2.สำเนาทะเบียนบ้านของผู้สมัคร
3.สำเนาทะเบียนบ้านของบิดา มารดา (ผู้ให้กำเนิด)
ในกรณีที่บิดาหรือมารดาถึงแก่กรรมต้องมีหลักฐานทางราชการรับรองสัญชาติของ บิดา
มารดาด้วย
การสอบคัดเลือก กระทำเป็นสองรอบ ดังนี้
1. การสอบรอบแรก เป็นการสอบภาควิชาการ วิชาที่สอบได้แก่
คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ
ภาษาไทยและสังคมศึกษาตามหลักสูตรไม่เกินชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 (ม.3)
ของกระทรวงศึกษาธิการ มีรายละเอียดดังนี้
1.1 วิชาคณิตศาสตร์ (คะแนนเต็ม 250 คะแนน)
เนื้อหาวิชาครอบคลุมความรู้ระดับมัธยมตอนต้น
1.2 วิชาวิทยาศาสตร์ (คะแนนเต็ม 250 คะแนน)
เนื้อหาวิชาครอบคลุมความรู้ระดับมัธยมตอนต้น
1.3 วิชาภาษาอังกฤษ (คะแนนเต็ม 100 คะแนน)
เนื้อหาวิชาครอบคลุมความรู้ระดับมัธยมตอนต้น
1.4 วิชาภาษาไทยและสังคมศึกษา (คะแนนเต็ม 100
คะแนน) เนื้อหาวิชาครอบคลุมความรู้ระดับมัธยมตอนต้น
โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า โรงเรียนนายเรือ
โรงเรียนนายเรืออากาศ และโรงเรียนนายร้อยตำรวจ จะคัดเลือกผู้ที่สอบภาควิชาการผ่าน
โดยคัดเลือกจากผู้ที่ได้คะแนนภาควิชาการรวมสูงสุดมาตามลำดับไว้จำนวนหนึ่ง
แล้วประกาศรายชื่อเพื่อให้เข้าสอบรอบสองต่อไป
2. การสอบรอบสอง เป็นการตรวจร่างกาย
ตรวจสอบประวัติ ทดสอบบุคลิกภาพ สอบพลศึกษา สอบสัมภาษณ์ และวัดขนาดร่างกาย
มีรายละเอียดดังนี้
2.1 การตรวจร่างกายและตรวจสอบประวัติ ผู้สมัครจะต้องเข้ารับการตรวจร่างกาย
ตามสถานที่ วัน เวลา ที่จะประกาศให้ทราบ ผู้ไม่ไปรับการตรวจร่างกายถือว่าสละสิทธิ์ผลการตรวจร่างกาย
ถือความเห็นของคณะกรรมการคัดเลือกเป็นเด็ดขาด
จะไม่รับพิจารณาผลการตรวจร่างกายที่ผู้สมัครได้รับการตรวจ
หรือได้รับใบรับรองผลการตรวจโรคจากที่อื่นมาแสดง
นอกจากการตรวจร่างกายแล้วจะมีการฉาย X –
RAY ตรวจโลหิต ตรวจปัสสาวะและอื่นๆ ผู้สมัครจะต้องชำระค่าตรวจร่างกายตามที่คณะกรรมการแพทย์กำหนด
ในกรณีที่แพทย์ต้องการตรวจพิเศษ
นอกเหนือจากการตรวจธรรมดาผู้รับการตรวจจะต้องออกค่าใช้จ่ายเอง สำหรับ เหล่าตำรวจ
ในวันตรวจร่างกายจะทำการพิมพ์ลายนิ้วมือของผู้สมัคร
เพื่อตรวจสอบประวัติไปยังกองทะเบียนประวัติอาชญากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
และยังต้องตรวจสอบไปยังสถานีตำรวจท้องที่ที่ผู้สมัครมีภูมิลำเนาอยู่อีกทาง
หนึ่งด้วย
หากผู้ใดมีประวัติเคยถูกลงโทษหรือความประพฤติไม่ดีตามที่กำหนดไว้ในเรื่องของคุณสมบัติ
จะถูกตัดสิทธิไม่ให้เป็นผู้สอบคัดเลือกได้
คำเตือน
1) ในตอนเช้าวันตรวจร่างกาย
ไม่ควรรับประทานอาหารหวานจัด เพราะอาจทำให้ตรวจพบน้ำตาลในปัสสาวะ
2)
ก่อนตรวจร่างกายห้ามรับประทานยาแก้ไอทุกชนิด หรือยากระตุ้นกำลัง
ซึ่งอาจก่อให้เกิดความผิดปกติทางหัวใจ และหลอดเลือดได้
3) ห้ามผู้สมัครใส่ CONTACT
- LENS ไปตรวจสายตา
2.2 การทดสอบบุคลิกภาพ
ไม่มีคะแนนถือเกณฑ์ ได้ – ตก โดยใช้แบบทดสอบที่คณะอนุกรรมการกำหนด
2.3 การสอบพลศึกษา
เป็นการทดสอบสมรรถภาพของร่างกาย มีคะแนนเต็ม (แต่ละเหล่าไม่เท่ากัน) คะแนนที่ได้จะให้ลดหลั่นกันลงตามลำดับ
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการทดสอบในแต่ละประเภทที่ผู้สอบปฏิบัติได้สำเร็จหรือ
จำนวนครั้งที่ปฏิบัติ
สำหรับผู้ที่ได้คะแนนรวมจาการทดสอบทุกประเภทต่ำกว่าที่แต่ละเหล่ากำหนด
หรือสอบว่ายน้ำ 50 เมตร หรือวิ่ง 1000
เมตร ไม่ถึงหรือทำเวลาไม่ได้ตามที่กำหนดถือว่าสอบตกให้คัดออก
(คะแนนผลการสอบพลศึกษาจะไม่นำไปรวมกับคะแนนการสอบข้อเขียน ยกเว้นเหล่าทหารบก
ที่จะคิดคะแนนรอบสองเป็น 10% ของคะแนนทั้งหมด)
ผู้เข้าสอบจะต้องทำการสอบให้ครบทุกประเภท ถ้าขาดสอบประเภทใดประเภทหนึ่ง
ถือว่าสอบตกและจะตัดสิทธิไม่รับเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหาร
โดยไม่คำนึงถึงคะแนนการสอบข้อเขียน
ประเภทที่สอบและเกณฑ์การให้คะแนนมีดังนี้
1. ยึดพื้นหรือดันข้อ
ท่าเตรียม ผู้ทดสอบนอนคว่ำมือยันพื้น
แขนทั้งสองเหยียดตรงห่างกันพอประมาณ ลำตัวเหยียดตรงปลายเท้าจรดพื้นเงยศีรษะขึ้น
ท่าปฏิบัติ ผู้ทดสอบทำต่อจากท่าเตรียม
โดยยุบแขนทั้งสองข้างลงพร้อมกันให้บริเวณหน้าอกแตะพื้น
แล้วดันลำตัวขึ้นกลับสู่ท่าเตรียม ทำเช่นนี้ให้ได้จำนวนครั้งมากที่สุด
ห้ามทำตัวแอ่น หรือเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง หรือแขนทั้งสองข้างขึ้นไม่พร้อมกัน
หรือหยุดพักระหว่างครั้งนานเกินกว่า 3-4 วินาที หรือไม่สามารถดันขึ้นสู่ท่าเตรียมเกินกว่า
3-4 วินาที ให้หยุดการทดสอบ
ถ้า ทำได้ 54
ครั้ง จะได้คะแนนเต็ม
ถ้าทำได้ 27 ครั้ง จะได้คะแนนครึ่งหนึ่ง
2. วิ่งระยะสั้น (50
เมตร)
ท่า เตรียม ผู้ทดสอบยืนอยู่หลังเส้นเริ่มในสู่วิ่งของตนเองพร้อมจะปฏิบัติ
ท่า ปฏิบัติ
เมื่อได้ยินสัญญาณให้ผู้ทดสอบเริ่มวิ่งอย่างเร็วออกจากเส้นเริ่มจนผ่านเส้น ชัย
ถ้าทำเวลาได้ไม่เกิน 5.5
วินาที จะได้คะแนนเต็ม
ถ้าทำเวลาได้ 7 วินาที จะได้คะแนนครึ่งหนึ่ง
3. วิ่งระยะไกล
(1000 เมตร)
ท่าเตรียม ผู้ทดสอบยืนอยู่หลังเส้นเริ่ม
เตรียมตัวปฏิบัติ
ท่าปฏิบัติ
เมื่อได้ยินสัญญาณให้ผู้ทดสอบเริ่มวิ่งจากเส้นเริ่มไปตามทางวิ่งจนสิ้นสุด
ระยะทางโดยผ่านเส้นชัย
ถ้าทำเวลาได้ไม่เกิน 3.18 นาที
จะได้คะแนนเต็ม
ถ้าทำเวลาได้ 4.32 นาที
จะได้คะแนนครึ่งหนึ่ง
ผู้ที่สอบวิ่งระยะไกลทำเวลาเกินกว่า 5 นาที 22
วินาที หรือวิ่งไม่ถึง จะไม่รวมคะแนนการสอบพลศึกษาทุกประเภท และถือว่าสอบพลศึกษาตก
4. ยืนกระโดดไกล
ท่า เตรียม
ผู้สอบยืนบนพื้นที่เรียบหลังเส้นกระโดด ปลายเท้าทั้งสองชิดเส้น
หันหน้าไปทางทิศทางที่จะกระโดด
ท่าปฏิบัติ เมื่อได้ยินสัญญาณให้เริ่มปฏิบัติ
ให้ผู้ทดสอบกระโดดไปข้างหน้าให้ได้ระยะไกลที่สุด (โดยใช้การแกว่งแขนช่วย)
วัดระยะทางการกระโดดจากเส้นกระโดดไปยังจุดที่ส้นเท้าลงบนพื้นไกลเส้นเริ่ม
ต้นมากที่สุด
ถ้ากระโดดได้ไกล 2.5 เมตร จะได้คะแนนเต็ม
ถ้ากระโดดได้ไกล 2.25 เมตร
จะได้คะแนนครึ่งหนึ่ง
5. ว่ายน้ำ
50 เมตร
ท่า เตรียม ผู้ทดสอบยืนที่ขอบสระพร้อมจะปฏิบัติ
ท่าปฏิบัติ เมื่อได้ยินสัญญาณ
ให้ผู้ทดสอบพุ่งตัวลงสระว่ายน้ำแล้วว่ายโดยเร็ว จนถึงขอบสระที่เป็นเส้นชัย
การเข้าเส้นชัย
ถือเอาส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายแตะขอบสระที่เป็นเส้นชัย
ถ้าทำเวลา ได้ ไม่เกิน 40
วินาที จะได้คะแนนเต็ม
ถ้าทำเวลาได้ 54 วินาที จะได้คะแนนครึ่งหนึ่ง
ผู้ที่สอบว่ายน้ำทำเวลาเกินกว่า 1 นาที 20
วินาที หรือว่ายน้ำไม่ถึงเส้นชัย จะไม่รวมคะแนนการสอบพลศึกษาทุกประเภท และถือว่าสอบพลศึกษาตก
6. วิ่งกลับตัว (วิ่งเก็บของ)
ท่า เตรียม
ผู้ทดสอบยืนอยู่หลังเส้นเริ่ม พร้อมจะปฏิบัติ
ท่าปฏิบัติ
เมื่อได้ยินสัญญาณให้ผู้ทดสอบวิ่งอย่างเร็วจากเส้นเริ่มไปหยิบท่อนไม้ ท่อนที่ 1
ซึ่งวางอยู่ภายในวงกลมรัศมี 1 ฟุต กลับมาวางภายในวงกลมหลังเส้นเริ่ม
(ห้ามโยนท่อนไม้ ถ้าวางไม่เข้าวงกลมต้องเริ่มต้นใหม่)
แล้วกลับตัววิ่งไปหยิบท่อนไม้ท่อนที่ 2 แล้ววิ่งกลับผ่านเส้นเริ่มต้นไปโดยไม่ต้องวางไม้ท่อนที่
2 ลง
ถ้าทำ เวลาได้ภายใน 9.5 วินาที จะได้คะแนนเต็ม
ถ้าทำ เวลาได้ภายใน 11 วินาที จะได้คะแนนครึ่งหนึ่ง
2.4 การวัดขนาดร่างกายและสอบสัมภาษณ์
เป็นการพิจารณารูปร่าง ลักษณะท่าทาง ความสมบูรณ์ของร่างกาย ความองอาจ
ว่องไวและปฏิภาณไหวพริบ ตลอดจนคุณลักษณะอื่นๆ
ที่เหมาะสมจะเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร ผลการสอบถือเกณฑ์ “ได้” หรือ “ตก” เท่านั้นไม่มีคะแนน ผู้ที่สอบตกหมายถึง
ผู้ที่มีคุณลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งไม่เหมาะสมที่จะเป็นข้าราชการทหาร-ตำรวจ
ชั้นสัญญาบัตร
และจะตัดสิทธิไม่รับเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหารโดยไม่คำนึงถึงคะแนนสอบข้อ เขียน
ในวันสอบสัมภาษณ์จะทำการวัดขนาดร่างกายของผู้สมัครด้วย
หากผู้สมัครมีร่างกายไม่ได้ขนาดตามที่กำหนดไว้ จะหมดสิทธิสอบสัมภาษณ์ทันที
คุณสมบัติ ของผู้สมัครเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหาร
1. เป็นชายโสด
2. เป็นผู้มีความประพฤติดี ไม่บกพร่องในศีลธรรม
เลื่อมในในระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
3. ไม่เป็นผู้อยู่ในระหว่างตกเป็นจำเลยในคดีอาญา
หรือไม่เคยต้องคำพิพากษาของศาลว่าได้กระทำความผิดในคดีอาญา
เว้นแต่ความผิดในลักษณะฐานลหุโทษหรือความผิดอันได้กระทำโดยประมาท
4. ไม่อยู่ในระหว่างพักราชการ
เนื่องจากความผิดหรือหนีราชการ
5. ไม่เคยถูกไล่ออก หรือถูกปลดออกจากสถานศึกษา
ในความควบคุมของกระทรวงศึกษาธิการ โรงเรียนทหาร โรงเรียนตำรวจ หรือถูกทางราชการไล่ออกหรือปลดออก
ทั้งนี้เนื่องจากความผิด
6. ไม่เป็นผู้เสพยาเสพย์ติด
หรือสารเคมีเสพย์ติดให้โทษที่ต้องห้ามตามกฎหมาย
7. ต้องไม่มีพันธกรณีผูกผันกับส่วนราชการใดๆ
อันจะเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา
8.
เป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตจากบิดามารดาหรือผู้ปกครองให้สมัครเข้าเป็นนักเรียน
เตรียมทหาร
9.
มีผู้ปกครองและผู้รับรองซึ่งสามารถรับรองข้อความและพันธกรณีที่ทางราชการ กำหนดไว้
หมายเหตุ
คุณลักษณะและลักษณะดังกล่าวหากปรากฎว่าเป็นความเท็จขึ้นภายหลังรับเข้าเป็น
นักเรียนเตรียมทหารแล้ว จะต้องพันจากฐานะนักเรียนเตรียมทหารทันที
แหล่งข้อมูล
: โรงเรียนเตรียมทหาร
โรงเรียนเตรียมทหาร (อังกฤษ: Armed
Forces Academies Preparatory School ) เป็นสถาบันการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
สังกัดสถาบันวิชาการป้องกันประเทศกองบัญชาการกองทัพไทย
และเป็นสถาบันการศึกษาแห่งเดียวในประเทศไทย ที่เป็นศูนย์รวมเบื้องต้นสำหรับผู้ที่จะเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า
โรงเรียนนายเรือ โรงเรียนนายเรืออากาศ และโรงเรียนนายร้อยตำรวจ
ผู้ที่ศึกษาในโรงเรียนเตรียมทหาร เรียกว่า นักเรียนเตรียมทหาร (นตท.)
การรับสมัครบุคคลพลเรือนเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหารนั้น
โรงเรียนเตรียมทหารมิได้เป็นผู้ดำเนินการสอบคัดเลือกนักเรียนเตรียมทหารด้วยตนเอง
หากแต่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า โรงเรียนนายเรือ โรงเรียนนายเรืออากาศ
และโรงเรียนนายร้อยตำรวจ จะเป็นผู้ดำเนินการสอบคัดเลือก
โดยในแต่ละปีจะมีการกำหนดจำนวนรับนักเรียนเตรียมทหารในส่วนของกองทัพบก กองทัพเรือ
กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
จากนั้นแต่ละเหล่าทัพจะส่งผู้ผ่านการสอบคัดเลือกมาเรียนรวมกันที่โรงเรียนเตรียมทหาร
เป็นเวลา 3 ปี
ภายหลังจากที่สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรของโรงเรียนเตรียมทหารแล้ว
นักเรียนเตรียมทหารเหล่านี้จะเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนเหล่าทัพ
ตามที่นักเรียนได้สมัครและผ่านการสอบคัดเลือก
เมื่อสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเหล่าทัพ
หรือโรงเรียนนายร้อยตำรวจแล้ว นักเรียนนายร้อยเหล่านี้
จะได้รับการบรรจุเข้ารับราชการเป็นนายทหาร และนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร
พร้อมทั้งเข้ารับพระราชทานกระบี่จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2500 ฯพณฯ จอมพล
ถนอม กิตติขจร ขณะนั้นดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้เสนอดำริต่อ
สภากลาโหมว่า หากจะรวมโรงเรียน ที่อยู่ในระดับการศึกษาเดียวกัน จากกองทัพต่าง ๆ
เป็นสถาบันเดียวกันก็จะเป็นการประหยัดงบประมาณของชาติ
ทั้งยังทำให้ผู้ศึกษามีโอกาสได้รู้จักคุ้นเคย มีความสนิทสนมกลมเกลียว
มีความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน มีความคิดจิตใจร่วมกัน แต่เยาว์วัย
ซึ่งจะส่งผลให้บุคคลเหล่านี้ สามารถประสานงานกันได้ด้วยดีและปฏิบัติงานร่วม
กันอย่างมีประสิทธิภาพ สภากลาโหมได้เห็นชอบ ในดำรินี้เป็นเอกฉันท์
ในขั้นแรกให้รวมโรงเรียนเตรียมนายร้อย โรงเรียนเตรียมนายเรือ
และโรงเรียนเตรียมนายเรืออากาศ เป็นโรงเรียนเตรียมทหาร สังกัดกรมการศึกษาวิจัย
กองบัญชาการทหารสูงสุด เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2501 จึงถือว่าวันที่ 27
มกราคมของทุกปี เป็นวันคล้าย
วันสถาปนาโรงเรียน เตรียมทหาร
ผู้บัญชาการคนแรกคือ พลเอก ปิยะ สุวรรณพิมพ์
ซึ่งถือว่าเป็นปูชนีย์บุคคลของโรงเรียนเตรียมทหาร ในปี พ.ศ. 2506
กรมตำรวจได้ขอให้โรงเรียนเตรียมทหาร รับนักเรียนเพื่อเข้าศึกษาต่อในโรงเรียน
นายร้อยตำรวจด้วย โรงเรียน เตรียมทหารจึงเป็นศูนย์รวมเบื้องต้น สำหรับนาย ทหาร
นายตำรวจ สมบูรณ์ครบถ้วยตามอุดมการณ์ที่ว่า "ความสามัคคี กลมเกลียว เป็นพลัง
อันสำคัญของชาติ"
ในระยะแรกนั้นโรงเรียนเตรียมทหารยังไม่มีที่ตั้งถาวรได้ใช้อาคารโรงเรียนนาย
ร้อยพระจุลจอมเกล้า ถนนราชดำเนินนอก กรุงเทพมหานคร
เป็นสถานที่เรียนชั่วคราวต่อมาเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2504
โรงเรียนเตรียมทหารได้จัดให้มีพิธีวางศิลาฤกษ์สร้าง โรงเรียนเตรียมทหาร ขึ้น ณ
เลขที่ 1875 ถนนพระราม 4 แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
ซึ่งเดิมเป็นที่ตั้งของกองสัญญาณทหารเรือ มีพื้นที่ประมาณ 35 ไร่ 3 งาน 47 ตารางวา
หลังจากได้สร้างโรงเรียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ได้ย้ายมาอยู่ที่พระราม 4 เมื่อวันที่
21 ธันวาคม 2504 ในปี พ.ศ. 2522 กองพันทหารสื่อสาร
กองบัญชากรกองทัพบกและกองร้อยทหารสื่อสาร ซ่อมบำรุงเขตหลังกองบัญชาการกองทัพบก
ได้ย้ายออกจากพื้นที่ที่อยู่ต่อ เนื่องกัน
โรงเรียนเตรียมทหารจึงได้รับพื้นนที่ทางด้านทิศตะวันตกและทิศเหนือเพิ่ม อีก 91 ไร่
62 ตารางวา รวมเป็น 127 ไร่ 9 ตารางวา
ในปี พ.ศ. 2537 พลอากาศเอก วรนาถ อภิจารี
ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในเวลานั้นได้พิจารณาว่า สภาพแวดล้อมต่าง ๆ
ของโรงเรียนเตรียมทหารได้ เปลี่ยนแปลงไป พื้นที่โดยรอบกลายเป็นย่านชุมชนหนาแน่น
ทั้งยังมีสภาพแวดล้อมเป็นมลพิษ
อีกทั้งพื้นที่ของโรงเรียนเตรียมทหารมีข้อจำกัดต่อการเพิ่มขีดความ
สามารถในการผลิตนักเรียนเตรียมทหาร และการพัฒนาโรงเรียนเตรียมทหารด้านต่าง ๆ
ในอนาคต จึงได้ปรึกษากับสำนักงานทรัพย์สิน ส่วนพระมหากษัตริย์
ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ตั้งโรงเรียนเตรียมทหาร
ถึงการย้ายที่ตั้งโรงเรียนเตรียมทหาร ไปยังสถานที่ตั้งแห่งใหม่ที่เหมาะสม
ซึ่งได้รับการสนับสนุนการ ก่อสร้างจากสำนักงานทรัพย์สิน ส่วนพระมหากษัตริย์โดยได้มอบให้บริษัท
คริสเตียน นีและนีลเส็น (ไทย) จำกัด (มหาชน)
ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของสำนักงานทรัพย์สิน ส่วนพระมหากษัตริย์ดำเนินการศึกษาความ
เป็นไปได้ต่าง ๆ ของโครงการย้ายโรงเรียนเตรียมทหาร
รวมทั้งเสนอแนะพื้นที่ตั้งโครงการ ในที่สุดได้เลือกพื้นที่ตำบลศรีกะอาง
อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก เป็นที่ตั้งโรงเรียนเตรียมทหารแห่งใหม่ ได้รับ
การสนับสนุนจากกองทัพบก เจ้าของพื้นที่มอบพื้นที่ให้ดำเนินการ ประมาณ 2,460 ไร่
เป็นผลให้โครงการก่อสร้าง โรงเรียนเตรียมทหารแห่งใหม่เกิดขึ้น
โครงการก่อสร้างโรงเรียนเตรียมทหารแห่งใหม่ ได้เริ่ม ดำเนินการมาตั้งแต่
เดือนสิงหาคม 2539 และได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก พลเอกหญิงสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา
ฯ สยามบรมราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินทรงวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันอังคาร ที่ 27 มกราคม
2541 ต่อมากองบัญชาการทหารสูงสุด ได้มีคำสั่งให้เคลื่อนย้ายโรงเรียน เตรียมทหารมายังที่ตั้งแห่งใหม่
ณ เลขที่ 185 หมู่ 5 ตำบลศรีกะอาง อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก กำหนดระยะเวลา
ตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ 2543 และให้สามารถเปิดการศึกษาได้ในเดือนพฤษภาคม 2543 โดย
มีพิธีเคลื่อนย้ายโรงเรียนเตรียมทหาร เข้าสู่ที่ตั้งในวันพฤหัสบดีที่ 4 พฤษภาคม 2543
วันศุกร์ที่ 15 กันยายน 2543 พลเอกหญิงสมเด็จพระเทพรัตน ราชสุดา ฯ
สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรง ประกอบพิธีเปิดโรงเรียน
โรงเรียนเตรียมทหาร
เป็นสถาบันการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย สังกัดสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ
กองบัญชาการกองทัพไทย และเป็นสถาบันการศึกษาแห่งเดียวในประเทศไทย
ที่เป็นศูนย์รวมเบื้องต้น สำหรับผู้ที่จะเข้าศึกษาต่อ ในโรงเรียนนายร้อยพระ
จุลจอมเกล้า โรงเรียนนายเรือ โรงเรียนนายเรืออากาศ และโรงเรียนนายร้อยตำรวจ
ผู้ที่ศึกษาในโรงเรียนเตรียมทหาร เรียกว่า นักเรียนเตรียมทหาร (นตท.)
การ รับสมัครบุคคลพลเรือนเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหารนั้น
โรงเรียนเตรียมทหารมิได้เป็นผู้ดำเนินการสอบคัดเลือกนักเรียนเตรียมทหารด้วย ตนเอง
หากแต่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า โรงเรียนนายเรือ โรงเรียนนายเรืออากาศ
และโรงเรียนนายร้อยตำรวจ จะเป็นผู้ดำเนินการสอบคัดเลือก โดยในแต่ละปีจะมีการกำหนดจำนวนรับนักเรียนเตรียมทหาร
ในส่วนของกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
จากนั้นแต่ละเหล่าทัพจะส่งผู้ผ่านการสอบคัดเลือกมาเรียนรวมกันที่โรงเรียน
เตรียมทหาร เป็นเวลา 3 ปี
ภายหลังจากที่สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตร
ของโรงเรียนเตรียมทหารแล้ว นักเรียนเตรียมทหารเหล่านี้
จะเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนเหล่าทัพ ตามที่นักเรียนได้สมัครและผ่านการสอบคัดเลือก
เมื่อสำเร็จการศึกษา จากโรงเรียนเหล่าทัพ
หรือโรงเรียนนายร้อยตำรวจแล้ว นักเรียนนายร้อยเหล่านี้
จะได้รับการบรรจุเข้ารับราชการเป็นนายทหาร และนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร
พร้อมทั้งเข้ารับพระราชทานกระบี่จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
และทำงานรับใช้ประเทศชาติด้วยเกียรติ ศักดิ์ศรี และความภาคภูมิใจ
สัญลักษณ์ประจำโรงเรียน[แก้]
ตราประจำโรงเรียน[แก้]
เครื่องหมายจักรดาว
เป็นสัญลักษณ์ของโรงเรียนเตรียมทหาร ประกอบด้วย
คบเพลิง หมายถึง การศึกษาและความรุ่งโรจน์
ช่อชัยพฤกษ์ หมายถึง
เครื่องหมายชั้นยศนายพลของกองทัพบกและตำรวจ
จักรเวียนซ้าย หมายถึง
เครื่องหมายชั้นยศนายพลของกองทัพเรือ
ดาวห้าแฉก หมายถึง
เครื่องหมายชั้นยศนายพลของกองทัพอากาศ
คติพจน์ประจำโรงเรียน[แก้]
สีประจำโรงเรียน[แก้]
แดง น้ำเงิน ฟ้า เลือดหมู
สีแดง คือ เหล่าทหารบก
สีน้ำเงิน คือ เหล่าทหารเรือ
สีฟ้า คือ เหล่าทหารอากาศ
สีเลือดหมู คือ เหล่าตำรวจ
เริ่มที่ระดับชั้นมัธยมต้น ม.3 อายุ 14-17
โดยประมาณ
- โรงเรียนเตรียมทหาร เป็นสถาบันที่เป็นที่ใฝ่ฝันของเด็กหนุ่มจำนวนมากจากทั่วประเทศที่อยากเข้า
สู่สถาบันอันทรงเกียรตินี้
เป็นสถาบันหลักในการผลิตนักเรียนเตรียมทหารเพื่อเข้าสู่โรงเรียนนายร้อยของ
แต่ละเหล่าทัพ (ทัพบก เรือ อากาศและตำรวจ)
ปัจจุบันการแข่งขันสูงมากเด็กที่สอบได้ส่วนใหญ่จะมาจากสถาบันติวเตอร์ชื่อ
ดังทั้งต่างจังหวัด และในกรุงเทพฯ
ขณะที่จำนวนที่รับได้ในแต่ละปีไม่มากนักประมาณเหล่าละ 200 คน
โดยหลักสูตรนี้จะเรียนที่โรงเรียนเตรียมทหาร จว.นครนายก 3 ปี
และเข้าสู่โรงเรียนเหล่าอีก 4 ปี รวม 7 ปี
จึงจะสำเร็จการศึกษาเป็นนายทหารหรือนายตำรวจต่อไป ข้อมูลเพิ่มเติมเว็บไซต์ของโรงเรียนเตรียมทหาร
www.afaps.ac.th
- โรงเรียนช่างฝีมือทหารบก เป็นหลักสูตร 3 ปี อยู่ที่กรุงเทพมหานคร
สำหรับผู้ที่ต้องการมีความรู้วิชาชีพในสายช่างและรับราชการด้วยในเวลาเดียว กัน
ข้อมูลเพิ่มเติมเว็บไซต์ของโรงเรียนช่างฝีมือทหารwww.mtts.ac.th
- โรงเรียนจ่าอากาศ ที่ตั้ง กรุงเทพมหานคร หลักสูตร 3 ปี
เรียนจบแล้วสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารได้ทุกเหล่า ข้อมูลเพิ่มเติมเว็บไซต์ www.atts.rtaf.mi.th
- โรงเรียนดุริยางค์ทหารบก ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.rta-band.com/
- โรงเรียนดุริยางค์ทหารเรือ ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.navedu.in.th/navymusicdiv
- โรงเรียนดุริยางค์ทหารอากาศ ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.rtafband.com/
เริ่มที่ระดับชั้นมัธยมปลาย ม.6 อายุ 18-20
โดยประมาณ
สำหรับตอนนี้จะเป็นหลักสูตรนายทหารประทวนของแต่ละเหล่าทัพ
อาจจะเป็นเด็กหนุ่มที่ผิดหวังจากการสอบเข้ามหาลัย
หรือเพิ่มค้นหาตัวตนเองเจอว่าอยากเข้าสู่การรับราชการทหาร หรือเหตุผลอื่นๆ จิปาถะ
เช่น เงินทุนการศึกษา ความชอบส่วนตัว เพื่อน แฟน พ่อแม่ ฯลฯ
-
โรงเรียนนายสิบทหารบก หลักสูตร 1 -2 ปี โดยประมาณ
โดยที่ตั้งของโรงเรียนเหล่าก็จะแตกต่างกันไป เช่น โรงเรียนนายสิบทหารราบ
จว.ประจวบคีรีขันธ์ ,เหล่าแพทย์ และเหล่าปืนใหญ่ จว.ลพบุรี ,เหล่าม้า จว.สระบุรี ,เหล่า สื่อสาร จว.สมทรสาคร เป็นต้น
โดยเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วจะได้รับยศสิบตรี บรรจุเข้ารับราชการตามหน่วยต่างๆของ
กองทัพบกทั่วประเทศ การดำเนินการรับสมัครและสอบคัดเลือกโดย กรมยุทธศึกษาทหารบก
ถนนเทิดดำริ เขตดุสิต จว.กรุงเทพฯ (มาจาก ตจว.ลงสถานีรถไฟสามเสน แล้วเดินมาประมาณ
100 เมตร ) โดยห้วงเวลาในการรับสมัครประมาณ เดือน กุมพาพันธ์ของทุกปี
ข้อมูลเพิ่มเติมเว็บไซต์ของกรมยุทธศึกษาทหารบก www.atc-rta.com
-
โรงเรียนจ่าอากาศ เลขที่ 171/1 หมู่ 10 ถนนพหลโยธิน แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพ
ฯ 10210 โทรศัพท์ที่ติดต่อ 02-5343763 ,02- 5344365 ข้อมูลเพิ่มเติมเว็บไซต์ www.atts.rtaf.mi.th
-
โรงเรียนจ่าทหารทหารเรือ ข้อมูลเพิ่มเติมเว็บไซต์ www.nrs.ac.th
สำหรับหลักสูตรนี้โดยทั่วไปผู้ที่มีผลการศึกษาดีเลิศ อันดับ 1-2
ของแต่ละเหล่าจะได้รับโอกาสในการเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนนายร้อยของแต่ละเหล่า
สุดท้ายของสุดท้ายผู้ที่ยังต้องการเป็นทหารจริง
สามารถสมัครเข้ารับราชการเป็นพลทหารอาสาสมัคร กองพันจู่โจม ซึ่งข้อมูลเพิ่มเติม
ลองค้นหาใน internet ดูนะครับ กองพันจู่โจม
กรมรบพิเศษที่ 3
อาชีพทหารเป็นอาชีพที่มีเกียรติ รายได้น้อยแต่มีความมั่นคงและสวัสดิการอื่น
ๆทดแทน เช่น ค่ารักษาพยาบาลฟรี ทั้งพ่อแม่บุตรภรรยา เป็นต้น
นอกจากนั้นข้อพิจารณาคือต้องมีความอดทน
เสียสละและมีสุขภาพแข็งแรงเนื่องจากเป็นอาชีพที่จะต้องมีความจำเป็นในการใช้
กำลังในการฝึกศึกษาเพื่อให้มีความพร้อมในการสู้รบกับอริราชศัตรูของแผ่นดิน เมื่อเกิดศึกสงครามต่อไป
สุด ท้ายจริงๆ จากคนเขียนบทความนี้ เป็นอาชีพทหารหรือไม่ไม่สำคัญ
ทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของชาติและมีคุณค่าด้านอื่นๆ เช่นกัน
ขอเพียงเป็นคนดีของสังคมสำคัญที่สุด
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)





